BCP หวังปี 64 พลิกเป็นกำไรตามราคาน้ำมันฟื้น-ค่าการกลั่นดี,ส่ง BBGI เข้าตลาดหุ้น

นายบัณฑิต หรรษาไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวางแผนจัดหาและธุรกิจการค้าน้ำมัน บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงคาดหวังว่าปีนี้ผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไร หลังจากปี 63 มีผลขาดทุนกว่า 6 พันล้านบาท เนื่องจากในปีนี้ทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับที่ดี

ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ากำลังการกลั่นไว้ที่ 1 แสนบาร์เรลต่อวัน และสามารถปรับเพิ่มขึ้นตามความต้องการ เทียบกับปีก่อนที่กลั่นเฉลี่ย 9.7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน รวมทั้งมีแผนขยายสถานีบริการน้ำมันในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 100 แห่ง จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,233 แห่ง และขยายร้านอินทนิล เพิ่มขึ้นอีก 150 แห่ง จากปัจจุบัน 673 แห่ง

ขณะที่ บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนในส่วนของโรงกลั่น 2.6 พันล้านบาท, งบการตลาด เพื่อขยายสถานีบริการน้ำมันและธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (นอนออยล์) 1.4 พันล้านบาท ,งบลงทุนใน บมจ.บีซีพีจี (BCPG) 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อทดแทนรายได้ที่อาจลดลงหลังจากส่วนต่างราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ทยอยหมดในปี 65 นอกจากนี้จะใช้สำหรับการก่อสร้างโรงงานเอทานอล ของ บมจ.บีบีจีไอ (BBGI) อีกประมาณ 900 ล้านบาท

“เป้ารายได้ปีนี้ยังคงขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน แต่บริษัทคาดว่าสถานการณ์ความต้องการใช้น้ำมันจะดีขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย พบว่าความต้องการใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าน้ำมันอากาศยานยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่ก็มองเห็นสัญญาณที่ดี ขณะเดียวกันการปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นน้ำมันดิบมาได้ครึ่งทางแล้ว นอกจากนี้เชื่อว่าการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 100 แห่ง จะช่วยให้ยอดขายน้ำมันในปีนี้เติบโต 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน”

นายบัณฑิต กล่าว

ขณะที่ความคืบหน้าการนำ BBGI เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น คาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยปัจจุบันทิศทางราคาน้ำมัน B100 และเอทานอลยังอยู่ในระดับสูง

ในที่ผ่านมา BBGI ได้ขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงผ่านการลงทุนในบริษัท Manus Bio Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงด้วยเทคโนโลยีชีวนวัตกรรมจากกระบวนการหมักขั้นสูง (advanced bio-fermentation) โดยซื้อหุ้น Series B Preferred Stock มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท และได้ร่วมก่อตั้งบริษัทร่วมทุน WIN lngredients เพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงมีแผนตั้งโรงงาน Synthetic Biology เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์แบบ Multi-Products แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สนองความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (2 มี.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top