นายกฯ เผย ครม.เห็นชอบแก้ กม.แพ่ง-พาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยปรับ-ผิดนัดชำระหนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้มีมติเห็นชอบให้แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงประโยชน์ของกฎหมายและมีโอกาสชำระหนี้ได้มากขึ้น โดยจะลดอัตราดอกเบี้ยกรณีผิดสัญญาเงินกู้และกรณีผิดนัดชำระหนี้ จากเดิม 7.5% ซึ่งจะนำเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

“กฎหมายนี้ใช้มาแล้วกว่า 95 ปียังไม่เคยมีการแก้ไข การแก้ครั้งนี้เพื่อลดภาระให้กับประชาชน”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ย 2 มาตรา ได้แก่ มาตรา 7 อัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้กำหนดไว้ก่อน และมาตรา 224 อัตราดอกเบี้ยผิดนัด โดยทั้ง 2 มาตรากำหนดดอกเบี้ยไว้ที่ 7.5% ต่อปี ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้มาแล้วเป็นเวลา 95 ปีตั้งแต่ปี 2468 จนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ คณะกรรมการกฤษฎีได้ไปศึกษาจากหลายประเทศจึงนำเสนออัตราใหม่เข้ามาให้ ครม.เห็นชอบ ดังนี้

ในส่วนดอกเบี้ยที่ไม่ได้ตกลงกันไว้ก่อน มาตรา 7 เดิมคิดอัตราดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี เป็นอัตราคงที่ตลอด ปรับใหม่เป็น 3% ต่อปี และให้กระทรวงการคลังประเมินทุก 3 ปี หากจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเมื่อลูกหนี้ผิดนัด มาตรา 224 ปัจจุบันคิดที่ 7.5% ต่อปี อัตราคงที่ตลอด ปรับใหม่เหลือ 5% มาจากดอกเบี้ย 3% ตามมาตรา 7 และบวกเพิ่มอีก 2% สำหรับวิธีคิดดอกเบี้ยผิดนัดเวลาผ่อนส่งเป็นงวด เดิมคิดจากเงินต้นที่ค้างทั้งหมด ของใหม่คิดจากเงินต้นเฉพาะงวดที่ผิดนัดเท่านั้น

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจากความล้าสมัยของกฎหมาย ทำให้ลูกหนี้มีภาระเกินสมควร เนื่องจากอัตราดอกเบี้ย 7.5% ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำกว่า 7.5% มาก, เกิดการประวิงเวลาฟ้องคดีเพื่อให้เจ้าหนี้แสวงหาประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยสูง นอกจากนี้มีเจ้าหนี้บางรายอาศัยความไม่ชัดเจนของกฎหมายให้ลูกหนี้ที่ผ่อนชำระต้องจ่ายดอกเบี้ยบนเงินต้นทั้งหมด เมื่อผิดนัดเพียงแค่งวดใดงวดหนึ่ง รวมไปถึงทางภาพรวมเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคม และมีผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของศักยภาพของประเทศในภาพรวมด้วย

ทั้งนี้ กระบวนการที่ผ่านมาทางคณะกรรมการกฤษฎีกาได้จัดทำรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการยกร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงานฯ การทำแบบสอบถามผ่านสื่อสังคมออนไลน์ รวมทั่งผ่านเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย และรับฟังความเห็นจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงภาคเอกชนที่มีความเกี่ยวข้องด้วย

“เรื่องนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่รบต้องการให้มีการผ่านกฎหมายโดยเร่งด่วน ขั้นตอนจากนี้เมื่อสภาเปิดสมัยประชุมสามัญแล้วจะมีการประสาน เพื่อให้ทางสภาฯ รับเรื่องร่างกฎหมายฉบับนี้พิจารณาและน่าจะมีผลบังคับใช้ได้ในปีนี้”

น.ส.รัชดา กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (9 มี.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top