รัฐสภา เปิดฉากหารือปมโหวตแก้ รธน.วาระ 3 หลังฝ่าย กม.ชี้ลงมติไม่ได้

ที่ประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญวันนี้เริ่มการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. เพื่อหาทางออกในการพิจารณาลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระสาม หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมรูญจำเป็นต้องให้ประชาชนลงมติเสียก่อน

วานนี้ คณะกรรมการประสานและเสนอความคิดเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้จัดทำความเห็นเพื่อเสนอต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ต่อกรณีลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญญวาระ 3 ซึ่งบรรจุเป็นวาระการประชุมเรื่องด่วนในวันนี้ว่า รัฐสภาไม่อาจลงมติได้ เนื่องจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า “…การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจึงต้องอยู่ในที่มีความผูกพันกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หมวด 15 เพียงบัญญัติให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้เท่านั้น ไม่มีบทบัญญัติให้ให้จัดทำขึ้นใหม่ทั้งฉบับ…หากรัฐสภาต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อนว่า สมควรรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วย จึงดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป…”

ดังนั้น รัฐสภาจึงไม่อาจลงมติในวาระที่ 3 ของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ได้ เนื่องจากการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้เป็นวิธีการในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย พ.ศ. 2560 ประธานรัฐสภาจึงควรหารือต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาว่าฝ่ายนิติบัญญัติจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรต่อไป เพื่อให้การดำเนินการชอบด้วยรัฐธรรมนูญและเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ในวันนี้ว่า พรรคภูมิใจไทยจะมีการหารือกัน ซึ่งมอบหมายให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนที่ฝ่ายกฎหมายสภาฯมีความเห็นว่าไม่ควรโหวตนั้น ยืนยันว่าให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล เช่น พลังประชารัฐ จะงดออกเสียง

ส่วนความเห็นวิปรัฐบาลจะเป็นไปในแนวทางเดียวกันหรือไม่นั้น นายอนุทิน มองว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของแต่ละพรรค ไม่จำเป็นต้องมีความเห็นเหมือนกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มี.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top