ดาวโจนส์ปิดลบ 234.33 จุด หุ้นแบงก์ฉุดตลาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) และลดลงในรอบสัปดาห์นี้ โดยหุ้นกลุ่มธนาคารถูกกดดันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า จะไม่ต่ออายุโครงการผ่อนคลายด้านเงินทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์ และตลาดยังถูกถ่วงลงจากรายงานข่าวที่ว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังทำการตรวจสอบบริษัทวีซ่า อิงค์เกี่ยวกับพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด และช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดบวก

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,627.97 จุด ลดลง 234.33 จุด หรือ -0.71%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,913.10 จุด ลดลง 2.36 จุด หรือ -0.06%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,215.24 จุด เพิ่มขึ้น 99.07 จุด หรือ +0.76%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 0.5% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ลดลง 0.8%

การร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารถ่วงตลาดลง หลังมีรายงานว่า เฟดจะไม่ต่ออายุโครงการผ่อนคลายด้านเงินทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มี.ค.นี้

ทั้งนี้ เฟดประกาศในวันศุกร์ว่า เฟดจะไม่ต่ออายุโครงการผ่อนคลายด้านเงินทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์ซึ่งใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2563 ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐ

โครงการดังกล่าวอนุญาตให้ธนาคารต่างๆ สามารถลดทุนหากมีการถือครองพันธบัตรและตราสารหนี้อื่น โดยธนาคารไม่ต้องนำมูลค่าของพันธบัตรและเงินฝากที่ฝากไว้กับเฟดเข้ารวมในการคำนวณอัตราส่วนโครงสร้างทางการเงิน (leverage ratio)

เฟดหวังว่ามาตรการผ่อนคลายเงินทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดพันธบัตรในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 และช่วยหนุนให้ภาคธนาคารปล่อยเงินกู้มากขึ้น หลังจากที่ธนาคารต่างๆ ได้พากันขายพันธบัตรเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

การซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1.7% ขานรับข่าวที่ว่า เฟดจะไม่ต่ออายุโครงการผ่อนคลายเงินทุนสำหรับธนาคารพาณิชย์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐพุ่งขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนที่ 1.742%

  • หุ้นกลุ่มธนาคารนำตลาดร่วงลง โดยหุ้นเจพีมอร์แกนเชส, เวลส์ ฟาร์โก้ และโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลงตามกัน
  • หุ้นวีซ่า อิงค์ ร่วงลง 6.2% หลังหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังทำการสอบสวนบริษัทวีซ่าเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขัน
  • หุ้นไนกี้ ร่วง 4% หลังเปิดเผยยอดขายรายไตรมาสต่ำกว่าคาด เนื่องจากมีปัญหาด้านการขนส่งและยอดขายหน้าร้านที่ลดลง
  • หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 4.1% สวนทางตลาด และเป็นแรงหนุนให้ดัชนี Nasdaq ปิดบวก หลังนายมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปเปิล อิงค์เกี่ยวกับการขายโฆษณาจะทำให้เฟซบุ๊กอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น

นอกจากนี้ หุ้นเฟดเอกซ์ คอร์ป พุ่งขึ้น 6.1% หลังเปิดเผยกำไรรายไตรมาสพุ่งขึ้นเกินคาด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มี.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top