SAAM ซีลลิ่ง 29.31% เร่งเพิ่มโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 60 MW ดันปีนี้ 100 MW

หุ้น SAAM ราคาชนซีลลิ่ง 29.31% มาอยู่ที่ 3.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.68 บาท มูลค่าซื้อขาย 112.31 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.27 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.72 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.72 บาท

นายพดด้วง คงคามี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ (SAAM) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 64 บริษัทฯ จะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าหมุนเวียนเพื่อจำหน่ายอีก 60 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 50 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศอื่นๆ จำนวน 10 เมกะวัตต์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อจำหน่ายจำนวนรวมทั้งสิ้น 100 เมกะวัตต์ภายในปีนี้

แต่อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยปัจจุบันติดปัญหาโควิด-19 บริษัทฯ ได้มีการปรับลดขั้นตอนการพัฒนาโครงการ จากเดิม 5 ขั้นตอน เหลือ 3 ขั้นตอน เพื่อส่งมอบโครงการให้กับลูกค้าได้เร็วขึ้น โดยการพัฒนาและส่งมอบโครงการ SAAM Oita 01 Biomass Power และ SAAM Oita 02 Biomass Power ให้กับลูกค้า ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าเป้าหมายรายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และมุ่งเน้นการจำหน่ายโครงการปัจจุบัน คาดว่าจะส่งมอบโครงการดังกล่าวได้ภายในไตรมาส 2/64 และไตรมาส 3/64

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจ โดยให้นักลงทุนว่าจ้างกลุ่มบริษัทฯ พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ เพื่อดำเนินการควบคู่การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อจำหน่าย เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ ไม่สามารถติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการที่ประเทศญี่ปุ่นได้ตามปกติ จึงใช้เวลาในการดำเนินการในส่วนของการหารือและเจรจามากขึ้น รวมถึงไม่สามารถเดินทางเพื่อประชุมร่วมกับหน่วยงานราชการดังกล่าวและนักลงทุนได้

โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาโครงการฯ ให้กับลูกค้าอยู่หลายราย ซึ่งปัจจุบันก็มีการเจรจากับพันธมิตรทั้งในประเทศไทย 2-3 ราย และประเทศญี่ปุ่นด้วย อย่างไรก็ตามถือเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย เนื่องจากลูกค้าก็สามารถซื้อโครงการในราคาที่ถูกกว่าเดิม และบริษัทฯ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนในการพัฒนาโครงการฯ ค่อนข้างมาก อีกทั้งยังมีความแน่นอนในการจำหน่ายโครงการฯ รวมถึงยังสามารถรับรู้รายได้ในทันทีโดยไม่จำเป็นต้องพัฒนาแล้วเสร็จ และปลดล็อกข้อจำกัดในการพัฒนาโครงการ จากเดิม 2 โครงการต่อปี เนื่องจากมีเงินทุนที่จำกัด ซึ่งเมื่อให้ทางลูกค้าเข้ามาพัฒนาร่วมกันกับบริษัทฯ หรือมาจ้างบริษัทฯ ก็จะส่งผลให้มีเงินทุนมากขึ้น บริษัทฯ ก็สามารถพัฒนาโครงการได้มากกว่า 2 โครงการ หรือ 8-10 โครงการ

นายพดด้วง กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีแผนเข้าศึกษาการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจการปลูกไม้พลังงาน (Plantation) และธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) เพื่อรองรับการเติบโตของโครงการโรงไฟฟ้า พลังงานชีวมวลในต่างประเทศ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงาน

พร้อมกันนี้รูปแบบการลงทุนจะเป็นลักษณะ เช่น ธุรกิจโซลาร์ จะหาโรงไฟฟ้าเก่าที่ประสิทธิภาพลดลง เพื่อจะช่วยปรับปรุงแล้วขอแบ่งรายได้จากการขายไฟฟ้าในอัตราที่แน่นอน เป็นระยะเวลา 10-15 ปี ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างเจรจาราว 7-8 โครงการ ขณะเดียวกันธุรกิจพลังงาน ก็จะหาธุรกิจที่มีความเสี่ยงอยู่ และเอาเข้ามาอุดความเสี่ยง แก้ไขระบบ และเมื่อมีรายได้ดีขึ้น ทางบริษัทฯ จะก็จะขอเก็บค่าบริการเป็นอัตราที่แน่นอน ระยะเวลา 10-15 ปี โดยมีการเจรจาอยู่ 2 โครงการ

“แผนการดำเนินงานในปี 64 จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และรับรู้รายได้แล้ว ประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนที่ 2 คือ ธุรกิจที่เรากำลังดำเนินการพัฒนาอยู่และเป็นธุรกิจที่เรามุ่งหวังที่จะลงทุน คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในอนาคต ซึ่งในส่วนนี้แบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อจำหน่าย แต่เนื่องจากติดปัญหาโควิด-19 ทางบริษัทฯ ก็ได้มีการปรับลดขั้นตอนในการพัฒนาโครงการ จากเดิมที่มีอยู่ 5 ขั้นตอน เหลือ 3 ขั้นตอน ส่งผลให้การพัฒนาโครงการฯ เสร็จเร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างรอส่งมอบ คาดว่าทางลูกค้าจะเข้าลงทุนในโครงการได้ในไตรมาส 2 หรือ 3 นี้ รวมถึงยังดำเนินการโครงการอื่นๆ ต่อเนื่องอีก 2-10 โครงการ, ธุรกิจใหม่ การให้นักลงทุนว่าจ้างบริษัทฯ พัฒนาโครงการฯ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้ทันที และการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียนและพลังงานอื่นๆ” นายพดด้วง กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 เม.ย. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top