หุ้นไทยแนวโน้มเช้านี้อ่อนลงตามตลาดภูมิภาคหลังกังวลโควิดทั้งในประเทศ-ตปท.

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสอ่อนตัวลงเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาค จากความกังวลโควิดระบาดหนักทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ กดดันกลุ่มท่องเที่ยว-บริการ อีกทั้งเผชิญแรงขายทำกำไรหลังขึ้นไปราว 40 จุด นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลด GDP ไทยปีนี้ลงเหลือ 1.8% จากเดิม 2.6% อย่างไรก็ดี กำไรของกลุ่มแบงก์ดีกว่าคาดอาจช่วยหนุนได้บ้าง แนะติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ-ความคืบหน้าวัคซีน-บจ.ทยอยประกาศงบฯ ให้แนวรับ 1,570 แนวต้าน 1,585-1,593 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า จากความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้ไปกดดันหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวและบริการ อีกทั้งยังเผชิญแรงขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นมาราว 40 จุดแล้ว

นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยก็ได้ปรับลดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยปีนี้ลงมาเหลือ 1.8% จากเดิม 2.6% จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่รุนแรง อย่างไรก็ดี ผลกำไรของกลุ่มแบงก์ออกมาดีกว่าตลาดคาด อาจจะมาช่วยหนุนตลาดได้บ้าง

ทั้งนี้ ยังต้องติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ และความคืบหน้าของวัคซีนโควิด-19 ที่จะฉีดให้กับคนไทย อีกทั้งมาตรการภาครัฐฯจะมีอะไรออกมาเพิ่มเติม และยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

พร้อมให้แนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585-1,593 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,821.30 จุด ลดลง 256.33 จุด (-0.75%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,134.94 จุด ลดลง 28.32 จุด (-0.68%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,786.27 จุด ลดลง 128.50 จุด (-0.92%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 16.64 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 440.02 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 433.46 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 เม.ย.)1,580.04 จุด เพิ่มขึ้น 5.13 จุด (+0.33%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 355.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 เม.ย.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 เม.ย.) ปิด 62.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 เม.ย.) อยู่ที่ 2.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.27 อ่อนค่าจากวานนี้ตามทิศทางตลาด คาดกรอบวันนี้ 31.20-31.35
  • ครม.อนุมัติขยายผู้รับเงิน 7,000 บาทในโครงการเราชนะอีก 2.4 ล้านคน เพิ่มวงเงินให้อีก 3,042 ล้านบาท ขยายระยะเวลาใช้วงเงินจากไม่เกินวันที่ 31 พ.ค. เป็นวันที่ 30 มิ.ย.2564 “บิ๊กตู่” ถก “ทีมเศรษฐกิจ” หลังประชุม ครม.เสร็จ ยืนยัน คลัง-สคช.พร้อมออกแพ็กเกจมาตรการเยียวยาชุดใหม่ พ.ค.-มิ.ย.นี้ รวมมิตรมาตรการเดิม เพิ่มของใหม่กระตุ้นใช้เงินออม เดินหน้าเปิดประเทศ 1 ก.ค.ตามกำหนดเดิม
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองเศรษฐกิจไทยปี 2564 มีแนวโน้มเติบโตลดลงที่ 1.8% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.6% เนื่องจากได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ที่มีความรุนแรงกว่าระลอกก่อนหน้านี้ ถึงแม้จะไม่มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวด แต่ความกังวลต่อสถานการณ์ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน รวมถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงมีผลต่อการบริโภคครัวเรือนให้มีทิศทางต่ำกว่าที่ประเมิน
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทสินค้า และพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลที่ผลิตจากปาล์มน้ำมัน 100% ให้เป็นพิกัดสินค้าใหม่ พร้อมให้สิทธิยกเว้นการเสียภาษีสรรพสามิต เพื่อต้องการส่งเสริมนโยบายพลังงานของประเทศ ให้ใช้พลังงานหมุนเวียนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และส่งผลดีต่อเกษตรกรชาวสวนปาล์มให้มีโอกาสขายผลผลิตได้ราคาดีกว่าเดิม

หุ้นเด่นวันนี้

  • COM7 (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 78 บาท คาดยอดขายเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุด Apple เปิดตัว Ipad Pro ที่ใช้ชิป Apple M1 (ชิบเดียวกับ MacBook) ราคาเริ่มต้น 2.79 หมื่นบาท ด้านการใช้สินค้า IT คือ New normal ไม่ว่าโควิด-19 จะลดลงหรือจะมีรอบใหม่ ดังนั้นจึงคาด Momentum ของรายได้มีความต่อเนื่อง พร้อมประเมินกำไรสุทธิ ปี 64-65 ที่ 1.9 พันลบ.และ 2.4 พันลบ. +26%YoY, +27%YoY ตามลำดับ
  • WHAUP (ยูโอบี เคย์เฮียน) “เก็งกำไร” คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/64 ออกมาฟื้นตัวดีจากการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่เจอทั้งภัยแล้งและโควิด
  • KBANK (เอเชีย เวลท์) “ซื้อ”เป้า 177 บาท แนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการและแนวโน้มคุณภาพสินเชื่อดีขึ้น ลูกหนี้มีศักยภาพกลับมาจ่ายตามปกติได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นมีทิศทางเป็นเชิงบวกมากขึ้น เมื่อเทียบกับราคาหุ้นล่าสุดมี Upside ประมาณ 26.4% ส่วนเงินปันผลมีโอกาสกลับมาจ่ายตามปกติค่อนข้างสูง หากไม่มีข้อกำหนดจาก ธปท.เข้ามาควบคุม ทั้งนี้ KBANK รายงานกำไรสุทธิ Q1/64 ที่ 10,627 ล้านบาท ลดลง 19.9%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 44.1%YoY ดีกว่าคาด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 เม.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top