โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 111 ล้านหุ้น เข้า mai

บมจ. โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) (JP) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 111 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 86,000,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท สุภาพ กรุ๊ป จำกัด 25,000,000 หุ้น รวมคิดเป็น 26.06% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ และบริษัทจะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด และ บริษัท สยาม อัลฟา แคปปิตอล เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อเป็นเงินลงทุนในโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ โครงการพัฒนาและแปรรูปพืชไข่น้ำเพื่อการผลิตเชิงพาณิชย์ และโครงการพัฒนาและขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ใหม่ เงินที่ใช้ประมาณ 5% ของเงินที่ระดมทุนได้ ภายในปี 64-67 , ใช้เป็นเงินลงทุนในการพัฒนา นำเสนอ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ตราสินค้าของบริษัทให้กับผู้บริโภค เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ใช้เงินประมาณ 23% ภายในปี 64-66

นอกจากนี้ จะใช้เป็นเงินลงทุนในการปรับปรุงและขยายโรงงาน โดยจะปรับปรุงห้องวิจัยและตรวจสอบคุณภาพของโรงงานกรุงเทพ การสร้างอาคารโรงงานไลน์การผลิตอาหารเสริมประเภท Soft gel และการขยายโกดังเก็บสินค้าที่โรงงานลำพูน จำนวนเงินที่ใช้ประมาณ 20% ภายในปี 64-65

อีกทั้งใช้ชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน ราว 35% ภายในปี 64 ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในปี 64-65

JP ประกอบธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาสินค้า การคิดค้นและพัฒนาสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและแนวคิดเชิงนวัตกรรม การขอทะเบียนตำรับยาหรือการจดแจ้งเลขสารบบอาหารของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนการผลิตภายใต้การควบคุมการผลิตที่ได้คุณภาพมาตรฐาน Good Manufacturing Practice (GMP) และ Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme (PIC/S)

บริษัทมีการดำเนินธุรกิจหลักๆ 2 รูปแบบคือ รับจ้างผลิตและจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า (OEM) และ ผลิตและจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัท (Own Brand) ซึ่งมีตราสินค้า 4 ตรา ได้แก่ COX, JSP, EVITON และ สุภาพโอสถ ช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักๆ ได้แก่ ช่องทางทางโทรทัศน์ (TV Home Shopping), ร้านขายยาเครือข่าย และร้านค้า Modern trade เช่นร้านขายยาฟาสิโน วัตสัน บู๊ทส์ เป็นต้น รวมถึงการจำหน่ายให้กับโรงพยาบาลและคลินิก

อีกทั้งบริษัทเริ่มมีการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทผ่านทาง http://www.jspshoponline.com/ ในไตรมาส 4 ปี 63 ซึ่งบริษัทเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตและมีนโยบายที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการจัดจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ต่อไป

โครงการในอนาคตช่วงปี 64-66 ได้แก่

1.โครงการวิจัยพัฒนาและแปรรูปพืชไข่น้ำเพื่อการผลิตเชิงพาณิชย์ โดยแบ่งระยะเวลาในการลงทุนออกเป็น 2 เฟส ดังนี้ เฟสที่ 1 ทำการศึกษาเพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมวิธีกระบวนการเพาะเลี้ยงไข่น้ำที่มีประสิทธิภาพ และได้สายพันธุ์ที่เหมาะสม มูลค่าการลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนา 1.4 ล้านบาท และเฟสที่ 2 บริษัทจะลงทุนขยายฟาร์มต้นแบบเพิ่มอีก 25 ไร่ ทำให้พื้นที่ในการลงทุนพัฒนารวมทั้งสิ้น 30 ไร่ และลงทุนโรงงานแปรรูปไข่น้ำ มูลค่าการลงทุน 17 ล้านบาท

2.การพัฒนาและขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ใหม่ประเภทยาแผนปัจจุบันแบบเปลือกซอฟต์เจลาติน โดยบริษัทมีแผนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาแบบเปลือกซอฟต์เจลาตินแคปซูลชนิดเคี้ยว (Chewable Soft Gelatin Capsule) ซึ่งเป็นแคปซูลยาประเภทที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการออกฤทธิ์ของยาและเพิ่มรสชาติในการรับประทานมากกว่ายาประเภทอื่นๆ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทรวม 6 ผลิตภัณฑ์ โดยมีเงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 12.50 ล้านบาท

3.โครงการพัฒนา นำเสนอ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ตราสินค้าของบริษัทให้กับผู้บริโภคของบริษัท

4.โครงการพัฒนายาสมุนไพรจากพืชกัญชง และกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ในการรักษาอาการนอนไม่หลับ โดยเป็นโครงการร่วมมือกันระหว่างบริษัท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บริษัท ทรีซายน์ อินโนเวชั่น จำกัด บริษัท บิ๊กเทคอินโนเวชั่น จำกัด และบริษัท สยามกลการอะไหล่ จำกัด บริษัทจะมีเงินลงทุนเฉพาะในส่วนของการปรับปรุงพื้นที่ที่โรงงานลำพูนให้เป็นโรงงานต้นแบบในการศึกษาการสกัดสารสำคัญจากกัญชงและกัญชา 1.5 ล้านบาท

ณ วันที่ 31 ธ.ค.63 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 213 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 170 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญ 340 ล้านหุ้น ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ กลุ่มครอบครัวแดงประเสริฐ และบริษัท สุภาพ กรุ๊ป จำกัด ถือหุ้น 320 ล้านหุ้น คิดเป็น 94.12% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 69.25% คงเหลือถือหุ้น 295 ล้านหุ้น

บริษัทมีรายได้รวมในปี 61-63 เท่ากับ 352.29 ล้านบาท 365.53 ล้านบาท และ 462.74 ล้านบาท ตามลำดับ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัท คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คิดเป็นสัดส่วน 55-75% ของรายได้จากการขาย กำไรสุทธิ เท่ากับ 12.39 ล้านบาท 23.57 ล้านบาท และ 31.08 ล้านบาท ตามลำดับ

บริษัทมีสินทรัพย์ ณ วันที่ 31 ธ.ค.63 เท่ากับ 484.09 ล้านบาท หนี้สินรวมเท่ากับ 288.18 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 195.91 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัท หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายกำหนดไว้และข้อบังคับของบริษัท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 เม.ย. 64)

Tags: , , , , , , , , , , ,
Back to Top