AOT ราคาดีดขึ้น 2.47% หลังผู้บริหารปฏิเสธข่าวขยายเวลาช่วยเหลือคิงเพาเวอร์

ราคาหุ้น AOT ปรับขึ้น 2.47% หรือ 1.50 บาท มาที่ 62.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,724.87 ล้านบาท เมื่อเวลา 16.16 น.โดยมีราคาเปิด 61.00 บาท ราคาสูงสุด 62.75 บาท ราคาต่ำสุด 61.00 บาท

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ปฏิเสธกระแสข่าวที่บริษัทจะขยายเวลาช่วยเหลือใหักับคิงเพาเวอร์ผู้รับสัมปทานดิวตี้ฟรีในสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินภูมิภาค โดยระบุว่ามติคณะกรรมการบริษัทเมื่อปีก่อนได้ขยายเวลาช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกรายไปจนถึง มี.ค.65 อยู่แล้ว เพราะบริษัทประเมินแล้วว่าธุรกิจการบินจะยังไม่ฟื้นตัวได้เร็ว

หากสถานการณ์หลังเดือน มี.ค.65 ธุรกิจการบินกลับมา ผู้ประกอบการก็จะสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติต่อไป แต่หากธุรกิจการบินยังไม่ฟื้นตามคาดไว้ ผู้ประกอบการที่เป็นคู่สัญญากับ AOT ก็สามารถขอยกเลิกสัญญาได้ ซึ่งบริษัทก็มีทางเลือกว่าจะปล่อยให้ยกเลิกสัญญา หรือช่วยประคองธุรกิจเพื่อไม่ให้มีการยกเลิกสัญญา ก็ยังพอมีเวลา 1 ปีที่จะพิจารณา อย่างไรก็ตาม AOT ประเมินว่าภายในวันที่ 1 เม.ย.65 ประเทศไทยน่าจะเปิดน่านฟ้าได้เป็นปกติ

กรณีของคิงเพาเวอร์ สัญญาได้เริ่มนับเมื่อเดือน ก.ย.63 และมีช่วง Grace Period อีก 6 เดือน แต่ยังไม่ได้เริ่มนับ เพราะ AOT ยังไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ส่วนแซทเทิลไลน์ได้ (SAT-1) โดยคาดว่าจะเริ่มนับได้ 1 เม.ย.65 ที่จะเริ่มเปิดใช้ SAT-1

วานนี้ราคาหุ้น AOT ปรับตัวลงมาก ลดลง 2.75 (-4.33%) มาที่ 60.75 บาท จากกระแสข่าวดังกล่าว

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคา AOT วานนี้กลับมาสู่ระดับการระบาดระลอกสองเนื่องจากแนวโน้มกำไรไตรมาส 1 , ไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปีงบ 64 ไม่สดใส และความไม่แน่นอนด้านการขอความช่วยเหลือจากภายนอกของสายการบินต่างๆ และปัญหาด้านสภาพคล่องต่าง ทำให้ราคา AOT กลับไปสู่ระดับเดือน ธ.ค.63-ม.ค.64

ทั้งนี้ มองการประเมินกำไร 64 ของ consensus สูงเกินไป (-8.5 พันลบ. vs. -1.55 หมื่นลบ. ณ เดือน เม.ย. 20) และคาดจะมีการปรับกำไรลงอีก และมองการกู้เงิน 2.5 หมื่นล้านบาทของ AOT สำหรับใช้หมุนเวียนภายในยังไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากดอกเบี้ยในขณะนี้ค่อนข้างต่ำ (ต่ำกว่า 4%)

อย่างไรก็ดี เรามองเห็นปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลให้ AOT ต้องยื่นมือช่วยผู้รับสัมปทานอีก

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ราคาหุ้น AOT นั้นแกว่งลดลงอีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงที่เริ่มมีการดันราคาขึ้นจากแนวโน้มท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยไดนามิกขณะนี้ได้เหวี่ยงจาก ตลาดขาขึ้น > การระบาดระลอกใหม่ > การช่วยเหลือผู้รับสัมปทาน > การลด EPS โดยในระยะท้ายทำให้ราคาหุ้นลดลงเหลือ 60 บาท อย่างไรก็ดี เราคาดครั้งนี้จะเป็นการปรับลด EPS ครั้งสุดท้าย เนื่องจากระยะต่อไปดูมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หากรัฐบาลสามารถจัดหาวัคซีนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และเปิดประเทศได้ในช่วง ม.ค.65 แนะนำ “ถือ” ด้วยมูลค่าเหมาะสมที่ 64 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 เม.ย. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top