DITTO ตั้งเป้ารายได้ปี 64 โต 20-30% หลังตุน Backlog 447 ลบ.พร้อมประมูลงานใหม่ 700 ลบ.

นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) (DITTO) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโตในระดับ 20-30% จากปีก่อนมีรายได้ 988.18 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog) 477 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานใหม่มูลค่าราว 700 ล้านบาท คาดหวังจะได้งานทั้งหมด โดยเฉพาะในกลุ่มงานการบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลที่หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ มีความต้องการปรับเปลี่ยนเอกสารให้มาอยู่ในรูปแบบดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยให้การทำงานจากที่บ้าน (Work from home) มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้กระจายศูนย์การให้บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อให้บริการบริหารจัดการเอกสาร และข้อมูลบนระบบ Digital อย่างครบวงจร ตอบโจทย์งานทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ต้องการพัฒนาระบบของทุกศูนย์ทั่วประเทศ โดยบริษัทจะขยายศูนย์ให้บริการอีก 9 แห่ง ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เพื่อกระจายทีมงานและเพิ่มศักยภาพการให้บริการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการจากส่วนกลางโดยการจ้างงานบุคลากรในพื้นที่

นายฐกร กล่าวต่อว่า บริษัทจะมีการพัฒนาระบบบริหารจัดการเอกสารเพื่อให้บริการในรูปแบบ Software as a Service (SaaS) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงระบบริหารจัดการเอกสารจากที่ใดก็ได้ผ่านระบบคลาวด์ และไม่ต้องลงทุนในซอฟแวร์ หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ โดยจะจับกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดเล็กถึงขนาดกลาง

พร้อมกันนั้น บริษัทยังได้พัฒนาระบบความมั่นคงและปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ขึ้นมาเพิ่มเติมเพื่อที่จะให้บริการแก่ลูกค้า โดยคาดว่าในช่วงปลายปีนี้จะเริ่มให้บริการและรับรู้รายได้เข้ามาเพิ่มเติมจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่ด้วย

“จากแผนการขยายงานจะทำให้เราเกิด Economy of Scale ขึ้น และการกระจายจุดให้บริการไปตามพื้นที่ต่างๆจะช่วยให้เราสามารถรับงานได้มากขึ้น และมีต้นทุนที่ลดลงด้วย ซึ่งเราเชื่อว่าอัตรากำไรสุทธิมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก จากปีก่อนที่ 11.6% และเราคาดว่าใน 2-3 ปีต่อจากนี้รายได้จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องในระดับ 20-30% ต่อปี ซึ่งจากภาวะตลาดเมื่อวานเราก็ตกใจแต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอยู่บริษัทมีธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการ และช่วยให้การทำงานที่บ้านของทั้งภาครัฐและเอกชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

นายฐกร กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top