นายกฯ เร่งเดินหน้าปูพรมฉีดวัคซีนให้คนกรุงเทพให้ได้ 5 ล้านคนใน 2 เดือน (มิ.ย.-ก.ค.)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จะเร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนแบบปูพรมให้กับคนกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน หรือ 70% ของประชากร เพื่อจะได้สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ภายใน 2 เดือนนี้ คือ เดือน มิ.ย.-ก.ค.64 โดยจะเสริมจุดฉีดวัคซีนอีก 25 จุดทั่ว กทม.รวมถึงจัดจุดใหญ่ที่สถานีกลางบางซื่อ นอกเหนือจากโรงพยาบาลและจุดฉีดหลัก เพื่อให้คนหาเช้ากินค่ำและแรงงานกลุ่มอื่นๆ เข้าถึงวัคซีนได้เร็วขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ประชาชนทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน และไทยมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในปริมาณที่มากเพียงพอ และจะเริ่มให้บริการกับประชาชนทุกกลุ่มพร้อมกันทั่วประเทศในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งที่ผ่านมาฉีดให้กับบุคลากรทางแพทย์ไปแล้วมากว่า 2.3 ล้านโดส ได้ผลเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องเดินหน้าปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้เร็ว และให้เข้าถึงประชาชนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหลังจากได้รับฟังความเห็นของประชาชนจำนวนมาก จึงได้ตัดสินใจเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ และไม่จำเป็นต้องรอตามกลุ่มอายุ แต่ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ด้วย

“จะไม่รอให้คนวัยใดวัยหนึ่ง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ได้รับวัคซีนจนครบก่อน จึงค่อยเปิดให้คนกลุ่มอื่นๆได้รับวัคซีน แต่เราจะปรับแผนการเดินหน้าประเทศ ด้วยการเปิดโอกาสให้ทุกคนที่พร้อมฉีดวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นวัยใด เข้าถึงวัคซีนได้ โดยเฉพาะวัยทำงาน เพื่อปกป้องคนทามาหากิน คนที่เป็นกาลังหลักในการหาเลี้ยงคนในบ้าน ให้ออกจากบ้านไปทางาน ทำมาหาเลี้ยงชีพ และเดินหน้าชีวิตกันต่อไปได้”

พลเอกประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลมีแผนการกระจายวัคซีนใน 3 ช่องทาง ช่องทางที่ 1. คือ ผ่านระบบหมอพร้อม สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ที่มีผู้มาลงทะเบียนแล้วประมาณ 7 ล้านคน และจะเปิดให้กลุ่มผู้อายุต่ากว่า 60 ปีลงทะเบียนได้ในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ ซึ่งผู้ลงทะเบียนสามารถจองคิวฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลที่เลือก และเลือกวันเวลาที่ท่านสะดวกได้เอง และรับรองว่า จะได้ฉีดในวันเวลาดังกล่าวอย่างแน่นอน หรือ อาจจะเป็นระบบอื่นของแต่ละจังหวัด เช่น ภูเก็ตชนะ เป็นต้น

ส่วนช่องทางที่ 2. คือ การลงทะเบียนที่จุดบริการฉีดวัคซีนหรือ Onsite Registration ในกรณีที่มีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอ ณ จุดบริการนั้น ซึ่งจะมีการพิจารณาจัดเตรียมระบบในช่องทางนี้เพื่อให้เกิดความพร้อมมากที่สุดในการจัดสรร

ส่วนในช่องทางที่ 3. คือ การกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ เป็นการจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเฉพาะ คือ ประชาชนกลุ่มเฉพาะเสี่ยง กลุ่มที่มีความจำเป็นพิเศษ หรือ มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน เช่น บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด่านหน้า อสม. ทหาร ตารวจ ข้าราชการ พนักงานด้านการบิน ครู อาจารย์ ผู้ขับขี่รถยนต์และจักรยานยนต์สาธารณะ พนักงานรถไฟและรถไฟฟ้า พนักงานในโรงแรม คณะผู้แทนการทูตและองค์กรระหว่างประเทศ นักธุรกิจ นักเรียน นักศึกษาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ บุคลากรในโรงงาน คนพิการ พนักงานภาคบริการอาหารและยา และกลุ่มอื่นๆ ซึ่งจำเป็นต้องฉีดเพื่อให้การดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าไปได้โดยไม่สะดุด ซึ่งกลุ่มบุคคลหรือสมาคมใดมีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน สามารถที่จะยื่นเรื่องให้กับ กระทรวงสาธารณสุขพิจารณา เพื่อจัดสรรวัคซีนและจัดเตรียมสถานที่ฉีดต่อไป

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ที่ผ่านมาการวางระบบการฉีดวัคซีนอาจมีปัญหาติดขัดบ้าง หรือเกิดความไม่ชัดเจน เป็นผลสืบเนื่องจากการให้ความสนใจลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนเองได้ติดตามและเร่งรัดให้มีการปรับปรุงโดยเร็ว และต้องขออภัยที่อาจทำให้เกิดความไม่สะดวกบ้าง

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง สถานการณ์โควิดในกรุงเทพและปริมณฑลในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมายังอยู่ในระดับที่ทรงตัว แม้จะสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อในบางพื้นที่ แต่ก็ยังมีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นมาอีก ซึ่งได้มีการเรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเป็นการด่วนในช่วงเช้าของเมื่อวานนี้ เพื่อรับทราบข้อมูลล่าสุด และหาทางแก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้เร็วที่สุด

ผลการประชุมจะเร่งแก้ไขปัญหาการติดเชื้อในเรือนจำต่างๆทั่วประเทศ โดยจะดำเนินการตรวจเชิงรุกให้ได้มากและเร็วที่สุด และจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามภายในเรือนจำ เพื่อคัดแยกผู้ป่วยออกมารักษา หากมีผู้มีอาการรุนแรงก็จะนำออกมาเข้ารักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทางตามระบบต่อไป โดยเราจะให้การดูแลรักษาผู้ที่ติดเชื้ออย่างดีที่สุด ด้วยความเท่าเทียม

ทั้งนี้ เรือนจำแต่ละแห่งเป็นระบบปิด จึงมีโอกาสที่จะแพร่กระจายเชื้อสู่ชุมชนได้น้อยมาก พร้อมทั้งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลเข้มงวดในเรื่องนี้ในช่วงที่มีการระบาด โดยจะไม่ให้มีการเข้าเยี่ยมจากภายนอก จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ในกรุงเทพและปริมณฑล ยังเดินหน้าระดมตรวจเชิงรุก คัดแยกผู้ป่วย ส่งตัวรักษาและระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งทำควบคู่ไปกับการบังคับใช้มาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด คือ การใส่แมสก์ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน การเว้นระยะห่าง และการตรวจวัดอุณหภูมิในทุกสถานที่ ซึ่งการระบาดในขณะนี้ เกิดขึ้นจากพื้นที่ที่มีการรวมตัวกันอย่างแออัด

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ทาง ศบค. เร่งออกตรวจพื้นที่ที่มีโอกาสเสี่ยงเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นแคมป์คนงานก่อสร้าง โรงงาน และสถานที่อื่นๆในกรุงเทพทั้งหมด ซึ่งสถานที่ที่เกิดการระบาด รวมทั้งในเรือนจำ โดยใช้แนวทาง Bubble and Seal คือ การปิดกั้นการเดินทางเข้าออกของคนในสถานที่นั้นๆ เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายออกไปสู่ภายนอก ซึ่งการที่สถานที่ที่มีการแพร่กระจายส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปิด ทำให้ทีมแพทย์เชื่อว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยเร็ว โดยมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดวันต่อวัน

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ในขณะนี้ยังคงทรงตัว แต่สิ่งที่ต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคน คือ เรามีจำนวนผู้ป่วยที่หายป่วยในแต่ละวันเป็นจำนวนมากจนถึงวันนี้มีเกือบ 7 หมื่นคนแล้ว โดยเฉพาะระลอกนมี้มากกว่า 4 หมื่นคน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถของบุคลการทางการแพทย์ที่คัดแยกตามอาการและรักษาได้อย่างดี และการเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์และเตียงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ตนเองได้เน้นย้ำกับที่ประชุม ครม.ในเรื่องของการชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนได้รับทราบเกี่ยวกับมาตรการต่างๆของรัฐบาลและศบค. โดยเฉพาะในการรณรงค์ให้ประชาชนทุกคนได้ฉีดวัคซีนเพื่อให้ประเทศไทยเดินไปต่อได้ แต่หากใครมีเจตนาในการเผยแพร่ข้อมูลเท็จจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานของรัฐ ให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบดูแลข่าวปลอม และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเร็ว

สำหรับมาตรการผ่อนคลายความเข้มงวดในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีผลบังคับใช้แล้ว เช่น การอนุญาตให้พื้นที่สีแดงเข้มสามารถนั่งทานอาหารได้ร้านได้ โดยจำกัดจานวนคน ซึ่งเป็นความพยายามช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร จะต้องมีการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด เช่น การจำกัดคนไม่เกิน 1 ใน 4 และเว้นระยะห่าง หากพบว่าร้านใดไม่ดำเนินการตามมาตรการจะสั่งปิดในทันที หรือมีการทบทวนมาตรการ จึงขอให้เจ้าของร้านอาหารทุกร้านในกรุงเทพและปริมณฑลดำเนินการอย่างเข้มงวด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม และกองทัพไทย ควบคุมการลักลอบเข้าประเทศจากชายแดนอย่างเข้มงวดสูงสุด หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใดที่แสวงหาผลประโยชน์บนความเสี่ยงของประเทศชาติ ต้องลงโทษให้หนักที่สุดโดยไม่มีการยกเว้น

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราจะเอาชนะโควิดได้ก็ด้วยการเดินหน้าไปพร้อมๆกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ช่วยกันทำหน้าที่ของแต่ละคนให้ดีที่สุด ดูแลซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ไปต่อได้ เราจะสู้ไปด้วยกัน ประเทศไทยต้องดีขึ้น ด้วยความร่วมมือร่วมใจ ความรักสามัคคีของคนไทยด้วยกัน เพราะเราทุกคนก็คือ “ทีมประเทศไทย”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top