6 สมาคมจี้รัฐแก้เหล็กแพง-ค่าระวาง-ขาดตู้คอนเทนเนอร์ ก่อนกระทบส่งออก,ผู้บริโภค

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการค้า การส่งออก และการนำเข้า รวมทั้งการชะงักงันของระบบการขนส่งและการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างประเทศ เนื่องจากมาตรการปิดประเทศ ตลอดจนปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และเรือขนส่งสินค้า ซึ่งเปิดโอกาสการทำกำไรอย่างมหาศาลให้แก่ธุรกิจสายเรือและธุรกิจให้บริการตู้คอนเทนเนอร์ จากการปรับค่าขนส่งเพิ่มขึ้นประมาณ 100-300% ของภาวะปกติ

ขณะเดียวกันผู้ผลิตอาหารกระป๋องยังเผชิญปัญหาหนักจากราคาแผ่นเหล็กที่พุ่งสูงขึ้นจนกระทบกับต้นทุนการผลิตอาหารกระป๋อง กล่าวคือ ราคาแผ่นเหล็กทินเพลท(แผ่นเหล็กเคลือบดีบุก) และทินฟรี (แผ่นเหล็กเคลือบโครเมียม) ที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตกระป๋องเพื่อบรรจุอาหาร มีการขยับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติดต่อกัน จากไตรมาสที่ 4/63 ถึง ไตรมาสที่ 2/64 ส่งผลให้ราคากระป๋องปรับราคาสูงขึ้นรวม 17-19% สาเหตุมาจากราคาเหล็กในตลาดโลกมีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ราคาแผ่นเหล็กฯ ยังคงมีแนวโน้มจะปรับราคาสูงขึ้นอีกในไตรมาสที่ 3 และไตรมาส 4/64 ขณะที่ผู้ผลิตแผ่นเหล็กฯ ในประเทศซึ่งมีอยู่ 2 ราย มีกำลังการผลิตที่จำกัดเพียง 50% ของความต้องการใช้ในประเทศ ซึ่งเป็นเหตุให้จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้า แต่ผู้ผลิตแผ่นเหล็กฯ ในประเทศกลับยื่นคำร้องให้กรมการค้าต่างประเทศ ออกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping : AD) การนำเข้าสินค้าแผ่นเหล็กเคลือบดีบุก และแผ่นเหล็กเคลือบโครเมียม ซึ่งหากมาตรการนี้ถูกนำมาบังคับใช้ แผ่นเหล็กเคลือบดีบุก และแผ่นเหล็กเคลือบโครเมียมที่นำเข้าจะมีราคาสูงขึ้นอีกราว 20-30% จากอัตราอากรทุ่มตลาด”

นายพจน์กล่าว

อย่างไรก็ดี แม้มาตรการ AD สินค้าแผ่นเหล็กเคลือบดีบุก และแผ่นเหล็กเคลือบโครเมียมยังอยู่ระหว่างการไต่สวน แต่ผลกระทบก็เกิดขึ้นแล้ว เมื่อประเทศผู้ส่งออกแผ่นเหล็กฯ ทราบถึงสถานการณ์ขาดแคลนแผ่นเหล็กในประเทศไทย ซึ่งยังอยู่ระหว่างดำเนินมาตรการไต่สวน AD จึงเป็นโอกาสในการทำกำไรด้วยการขายแผ่นเหล็กให้ไทยในราคาที่แพงขึ้น และการเจรจาต่อรองทำได้ยากขึ้น

นายพจน์ กล่าวว่า หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ 6 สมาคมการค้า ประกอบด้วย สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป, สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย, สมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย, สมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนมไทย, สมาคมผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สเปรย์ไทย และสมาคมบรรจุภัณฑ์โลหะไทย ได้ทำหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการปรับขึ้นราคาแผ่นเหล็กที่ใช้ผลิตกระป๋องและฝา การปรับขึ้นค่าระวางเรือ และการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ โดยเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาดังนี้

  1. 1ยกเลิกการไต่สวนคำร้องมาตรการการทุ่มตลาดแผ่นเหล็กเคลือบดีบุก และแผ่นเหล็กเคลือบโครเมียมโดยเร่งด่วน เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแผ่นเหล็กในประเทศ ซึ่งนำมาสู่การปรับราคาสูงขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม และผู้ขายแผ่นเหล็กในต่างประเทศฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาแผ่นเหล็กที่ส่งออกมายังประเทศไทย เนื่องจากรับทราบว่าแผ่นเหล็กในประเทศมีราคาสูงและมีปริมาณไม่เพียงพอ อีกทั้ง การยกเลิกมาตรการการทุ่มตลาดฯ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตกระป๋องภายในประเทศสามารถแสวงหาแผ่นเหล็กจากแหล่งอื่นที่มีต้นทุนถูกลง ซึ่งเป็นการสร้างเสถียรภาพทั้งเชิงปริมาณและราคา โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผู้ผลิตแผ่นเหล็กในประเทศไม่สามารถปรับแผนการผลิตให้รองรับความต้องการใช้ภายในประเทศได้
  2. เร่งรัดดำเนินมาตรการใดๆ ที่สามารถแก้ไขสถานการณ์การปรับขึ้นค่าระวางเรือ และการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อให้ต้นทุนค่าขนส่งกลับสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็ว อาทิ การหารือแนวทางความร่วมมือด้านการขนส่งกับประเทศจีนในการผลิตตู้คอนเทนเนอร์และการให้บริการขนส่งทางเรือ เป็นต้น

“หากสถานการณ์ปัญหาการปรับราคาค่าขนส่ง และแผ่นเหล็กยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ โดยไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจังและเป็นระบบ จะลดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูปของไทย ซึ่งนำรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 2 แสนล้านบาท อีกทั้งจะมีผู้ได้รับความเดือดร้อนในวงกว้าง นับแต่ผู้บริโภคที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงเกษตรกร ชาวประมง ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในห่วงโซ่การผลิต”

รองประธานกรรมการหอการค้าไทยระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ค. 64)

Tags: , , , , , , , , , , , , ,
Back to Top