นายกฯ หารือ รมช.ต่างประเทศสหรัฐ พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง นางเวนดี้ อาร์. เชอร์แมน รมช.ต่างประเทศสหรัฐ เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในโอกาสการเยือนประเทศไทย

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับการรับตำแหน่ง รมช.ต่างประเทศสหรัฐ โดยเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมมิตรภาพระหว่างไทยกับสหรัฐที่ยาวนานกว่า 188 ปี ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีฝากความยินดีถึงนายโจเซฟ อาร์. ไบเดน อีกครั้งที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยไทยได้ติดตามนโยบายของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง และหวังว่าไทยกับสหรัฐฯ จะเพิ่มพูนความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อกันในลักษณะ Win-Win ต่อไป

ด้าน รมช.ต่างประเทศสหรัฐขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับ ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ มีความร่วมมือระหว่างกันที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะด้านความมั่นคง และเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี รมช.ต่างประเทศสหรัฐเห็นว่าขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากจากโควิด-19 ซึ่งสหรัฐฯ เข้าใจและมีนโยบายด้านการจัดหาวัคซีนเพื่อช่วยเหลือหลาย ๆ ประเทศให้ผ่านพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงพร้อมให้การสนับสนุนไทยในการเข้าถึงวัคซีน ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอบคุณและยินดีรับการสนับสนุนโดยจะดำเนินการตามกระบวนการนำเข้าวัคซีนต่อไป

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นสำคัญอื่น ๆ ร่วมกัน อาทิ ประเด็นเรื่องสภาพภูมิอากาศที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไทยให้ความสำคัญ และสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Economy) ของไทย ซึ่งจะนำเข้าเป็นวาระสำคัญในการประชุมเอเปค ปี 2565 ต่อไป

ในส่วนประเด็นเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ โดยเฉพาะการต่อต้านการค้ามนุษย์ รัฐบาลได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และมุ่งมั่นแก้ปัญหาผ่านความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชื่นชมความมุ่งมั่นของไทยและพร้อมสนับสนุนไทย

นอกจากนี้ ในประเด็นความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรีชื่นชมสหรัฐฯ ที่มีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน และอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมาโดยตลอด และยืนยันว่าไทยพร้อมสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์และความร่วมมือกับสหรัฐฯ ต่อไป

ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในเมียนมา โดย รมช.ต่างประเทศสหรัฐได้ติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด เชื่อมั่นว่าไทยและอาเซียนมีการดำเนินการที่สร้างสรรค์เพื่อหาทางออกที่สันติ อย่างไรก็ตาม ยังห่วงกังวลเกี่ยวกับกรณีผู้หนีภัย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าไทยมีประสบการณ์เกี่ยวกับผู้หนีภัยภายใต้หลักมนุษยธรรมพร้อมยืนยันว่าไทยมุ่งหวังให้เกิดการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มิ.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top