นายกฯ เร่งออกมาตรการแก้หนี้ประชาชนเล็งขอ ธปท.ทบทวนเพดานดอกเบี้ย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้นำเสนอให้ ครม.รับทราบว่ารัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนทั้งระบบ หลังจากหนี้ครัวเรือนมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลังจากปี 57 มาจนถึงปัจจุบันเดือนละ 9 หมื่นล้านบาท จากช่วงก่อนปี 57 มีอัตราเพิ่มขึ้นเดือนละ 8.8 หมื่นล้านบาท

“วันนี้เราต้องแก้ไขปัญหาในภาพรวมทั้งระบบให้ครอบคลุมหนี้สินในกลุ่มต่าง ๆ ที่ผมร้อนใจมากสุดคือ หนี้กยศ. 3.6 ล้านคน ผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน หนี้ครูและข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี หนี้เช่าซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 27.7 ล้านบัญชี หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี ปัญหาหนี้สินอื่นๆ ของประชาชน 51.2 ล้านบัญชี”

นายกรัฐมนตรี กล่าว

รัฐบาลจะกำหนดมาตรการต่าง ๆ ออกมาทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะต่อไป โดยเฉพาะมาตรการระยะสั้นจะดำเนินการให้เกิดขึ้นได้ภายใน 6 เดือน ซึ่งจะลดภาระดอกเบี้ยประชาชน ทั้งในส่วนสินเชื่อรายย่อย พิโกไฟแนนซ์ และนาโนไฟแนนซ์, การปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ของครูและข้าราชการ รวมถึงสหกรณ์, ปรับรูปแบบการชำระหนี้, คุ้มครองความเป็นธรรมให้ประชาชนที่เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์

พร้อมทั้งขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทบทวนเพดานอัตราดอกเบี้ยและการกำกับดูแลบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อจำนำทะเบียนด้วย

รวมทั้งการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินเพื่อลดการดำเนินคดีกับประชาชน เช่น หนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ หนี้สหกรณ์ และมีการเพิ่มการเข้าถึงแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยและ SMEs เช่น จัดให้มีซอฟท์โลนสำหรับ SME ที่เป็น NPLs เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ การเพิ่มจำนวนโรงรับจำนำและจัดทำโรงรับจำนองเพื่อดูแลผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงสินเชื่อ

สำหรับมาตรการระยะถัดไป เร่งส่งเสริมการแข่งขันให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง การให้ความช่วยเหลือเด็กรุ่นใหม่ คนวัยเกษียณที่มีภาระหนี้สิน โดยต้องออกมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่อาศัย และค่าเดินทางระบบขนส่งมวลชนในราคาถูก รวมถึงการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่เพื่อกำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อรายย่อยเป็นการเฉพาะ การจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจและการเงินเพื่อชะลอการฟ้อง อำนวยความสะดวกให้การฟื้นฟูหนี้รายบุคคลที่มีเจ้าหนี้หลายราย เป็นต้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มิ.ย. 64)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top