ศปถ. เผยสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่ วันที่หกตาย 34 ราย เจ็บ 274 ราย

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.)ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 3 ม.ค. 65 ซึ่งเป็นวันที่หกของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 264 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 34 ราย ผู้บาดเจ็บ 274 ราย

สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว 35.61% ดื่มแล้วขับ 18.94% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 83.03% รองลงมา คือ รถปิกอัพ/กระบะ 6.64% อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 79.55% ถนนกรมทางหลวง 40.91% ถนนใน อบต./หมู่บ้าน 36.74% ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.00-7.00 น. ที่ 9.09% ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด อยู่ในช่วงอายุ 40-59 ปี 15.58%

ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,905 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 61,730 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 437,936 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 91,546 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 26,248 ราย ไม่มีใบขับขี่ 23,253 ราย

สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี (15 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และจันทบุรี (จังหวัดละ 3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี (16 คน) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 52 จังหวัด

สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 6 วันของการรณรงค์ (29 ธ.ค. 64-3 ม.ค. 65) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,488 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 300 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 2,471 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ เชียงใหม่ (92 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (20 ราย) ส่วนจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี (91 คน) และจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในช่วง 6 วันของการรณรงค์มี 11 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นครนายก ปัตตานี พังงา แพร่ แม่ฮ่องสอน ยะลา ระนอง สตูล สมุทรสงคราม และสุโขทัย

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะเลขานุการ ศปถ. เปิดเผยว่า คาดว่าเส้นทางสายหลักจะยังมีปริมาณการจราจรหนาแน่นในบางจุด ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนต่อเนื่อง สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครเข้มข้นการปฏิบัติงานของจุดตรวจบนเส้นทางสายหลัก สายรอง ทางลัด และทางเลี่ยงเมือง เพื่ออำนวยการจราจรและดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง

พร้อมกวดขันตามหลัก “4 ห้าม 2 ต้อง คือ ห้ามดื่ม ห้ามเร็ว ห้ามง่วง ห้ามโทร ต้องสวมหมวกนิรภัย และต้องคาดเข็มขัดนิรภัย” เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งนี้ ขอฝากผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด และมีน้ำใจกับผู้ร่วมใช้เส้นทาง เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ม.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top