RICHY เป้าปี 65 รายได้โตพุ่ง 65% ยอดขาย 4 พันลบ.เปิด 4 โครงการ 6 พันลบ.

นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ริชี่เพลซ 2002 (RICHY) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 เติบโต 65% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนรายได้มาจากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างเสร็จเข้ามาเสริมอีก 1 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมอื่นๆ ที่ยังมีการโอนเข้ามาต่อเนื่อง คาดว่าจะมีการรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมกว่า 1 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ทั้งหมด 2.4 พันล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีรายได้มาจากการให้เช่าพื้นที่ค้าปลีกในโครงการ The Rich พหลโยธินเข้ามาต่อเนื่อง และในปีนี้จะมีการเพิ่มพื้นที่ค้าปลีกใน 2 โครงการเข้ามาเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการ The Rich นานา-เพลินจิต และโครงการ The Rich ศรีนครินทร์-พระราม 9 ซึ่งจะทำให้รายได้จากพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าในปีนี้คาดว่าจะเข้ามารราว 31 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 59 ล้านบาทในปี 66 ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาหนุนรายได้ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง

สำหรับยอดขายของบริษัทในปี 65 ตั้งเป้าไว้ที่ 4 พันล้านบาท โดยวางแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6 พันล้านบาท ได้แก่ แนวราบ 2 โครงการ คือ ริชตัน พัฒนาการ สวนหลวง ทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์ยูโรเปี้ยน จำนวน 131 ยูนิต และ ริชตัน ดอนเมือง เพิ่มสิน เป็น ทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 163 ยูนิต และ คอนโดมิเนียมใหม่อีก 2 โครงการ ทำเลย่านพระราม 9 และอีกทำเลยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียมใหม่จะเปิดขายในช่วงกลางปีและปลายปี 65

นางอาภา กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 65 จะเห็นการฟื้นตัวขึ้นสอดคล้องกับทิศทางของเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวเช่นเดียวกัน แม้ว่าในปัจจุบันยังมีปัจจัยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเข้ามากระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่มองว่าเป็นปัจจัยระยะสั้น และคาดว่าเมื่อการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มชะลอตัวลง การท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมา และกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็จะกลับมามากขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนมีรายได้มากขึ้นด้วย

ส่วนความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของคนในประเทศยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีผลกระทบในด้านรายได้และปัจจัยหนี้สินครัวเรือนที่สูงกดดันอยู่บ้าง แต่มองว่าคนเริ่มมองหาซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองมากขึ้น จะเห็นได้จากโครงการแนวราบที่มีการเติบโตอย่างมาก ขณะที่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติในปีนี้มีโอกาสกลับมาในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่การแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มชะลอตัวและมีการเปิดประเทศมากขึ้น

ส่วนการแข่งขันของผู้ประกอบการในปีนี้มองว่าจะเห็นการทำโปรโมชั่นกระตุ้นการขายตามปกติ แต่การทำสงครามราคาจะเริ่มเบาบางลง และแทบไม่เห็นการลดราคาสู้กันแล้ว หลังจากสต็อกของผู้ประกอบการแต่ละรายได้ระบายออกไปค่อนข้างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และสถานการณ์ของเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น

ในปีนี้บริษัทวางงบซื้อที่ดิน 1.4 พันล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้บางส่วนและรองรับการพัฒนาในปีต่อไป

นอกจากนี้ บริษัทได้มองการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจจากการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) ในส่วนของการให้เช้าพื้นที่ค้าปลีกในโครงการของบริษัท จากโอกาสในการพัฒนาคอนโดมิเนียมให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากขึ้น โดยได้มีการแบ่งพื้นที่เช่าที่บริษัทเป็นคนบริหารในการทำ Reatai Mall ซึ่งในปีนี้จะมีทั้งมด 3 แห่ง และคาดหวังมีสัดส่วนรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ค้าปลีกในช่วง 2-3 ปี ข้างหน้าเพิ้มเป็น 10% จากปัจจุบันที่ 5% ของรายได้รวม

ขณะที่บริษัทได้เริ่มเปิดช่องทางการรับชำระเงินค่าสินค้าด้วย Cryptocurrency โดยร่วมกับ Bitkub ในช่วงปลายปี 64 ทีผ่านมา เพื่อนำมาต่อยอดจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังได้รับความนิยม และเป็นที่ยอมรับของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท แต่ปัจจุบันยังมีลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยของบริษัทเป็นคอนโดมิเนียมและชำระด้วย Cryptocurrency ไปเพียง 1 ราย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ม.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top