ผู้เลี้ยงหนุนปศุสัตว์เดินหน้าพลิกสถานการณ์หมู ดันเลิกคุมราคาหน้าฟาร์ม

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ตามที่อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้รายงานนายกรัฐมนตรีว่าจะแก้ไขสถานการณ์หมูให้ได้โดยเร็วที่สุดนั้น นับเป็นข่าวดีของคนเลี้ยงหมู และขอสนับสนุนการทำงานของกรมปศุสัตว์อย่างเต็มที่ เพราะเกษตรกรทุกคนอยากกลับมาประกอบอาชีพที่ตนเองถนัด เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตหมูเข้าสู่ตลาด และจะทำให้ระดับราคาลดลงตามกลไกตลาด ซึ่งเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย

“ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้นำพาเกษตรกรคนเลี้ยงหมูกลับมาให้เร็วที่สุด ซึ่งทั้งเกษตรกร ภาคเอกชน และทุกคนในแวดวงผู้เลี้ยงจะช่วยกันในทุกด้าน เพื่อเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน รวมถึงผู้เลี้ยงทั่วประเทศกลับเข้าสู่ระบบอีกครั้งอย่างมั่นใจและรวดเร็ว เราควรใช้โอกาสนี้ในการฟื้นฟูและยกระดับการเลี้ยงหมูเข้าสู่มาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ เพื่อสร้างความปลอดภัยในอาหาร และสร้างเสถียรภาพให้อุตสาหกรรมหมูไทย” นายสิทธิพันธ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม การเตรียมเล้าในการลงหมูยังต้องการความมั่นใจในเรื่องโรคระบาด ซึ่งต้องขอให้กรมฯ ดำเนินการในส่วนนี้อย่างเข้มงวดและเคร่งครัด ดังเช่นที่เอกชนรายใหญ่ดูแลคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง และช่วยให้เกษตรกรรอดพ้นจากภาวะโรค ส่งผลเกษตรกรรายย่อยกลุ่มนี้สามารถเลี้ยงหมูป้อนสู่ตลาดในช่วงนี้ได้

พร้อมย้ำว่า การยกเลิกการคุมราคาหน้าฟาร์ม และปล่อยราคาตามกลไก จะเป็นแรงจูงใจเสริมได้อย่างดีว่าเลี้ยงแล้วสามารถขายได้ในราคาตามอุปสงค์อุปทานที่เกิดขึ้น ไม่ต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนสะสมอย่างที่ผ่านมา

นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวอีกว่า มาตรการระยะสั้น กลาง และยาว ที่ภาครัฐแถลงออกมาก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งที่ดีและถูกต้องในการส่งเสริมเกษตรกร ขณะเดียวกันนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ จะหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ประมาณ 2% มาสนับสนุนเกษตรกรด้วย เมื่อผนวกกับความร่วมมือร่วมใจของคนเลี้ยงหมู เชื่อว่าจะได้เห็นการฟื้นตัวของเกษตรกรรายย่อยได้ตามเป้าหมายของรัฐในเร็ววัน

พร้อมกันนี้ สมาคมฯ ยังได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนที่ร่วมสร้างความมั่นใจให้เกษตรกร และร่วมแก้ไขสถานการณ์หมูมาตั้งแต่ก่อนพบการระบาด ด้วยการจัดสัมมนาสัญจรในหัวข้อ “หลังเว้นวรรค…จะกลับมาอย่างไรให้ปลอดภัย?” โดยนักวิชาการสัตวแพทย์ของซีพีเอฟ นำความรู้และเทคนิคการป้องกันโรคของบริษัทฯ มาถ่ายทอดสู่เกษตรกรรายย่อยในภาคอีสาน ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้นในเดือนมกราคมนี้ ทั้งที่ จ.ร้อยเอ็ด จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ เพื่อปูพื้นฐานที่เข้มแข็งให้กับเกษตรกรรายย่อยที่พร้อมกลับเข้ามาในระบบอีกครั้ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ม.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top