นายกฯ ถก UN หารือแก้ปัญหาในเมียนมาพร้อมผลักดันให้เกิดสันติภาพ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนางโนลีน เฮย์เซอร์ (Ms. Noeleen Heyzer) ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมา (Special Envoy of the UN Secretary-General on Myanmar) เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

โดยผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมา กล่าวยินดีที่ได้มีโอกาสพบหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี โดยผู้แทนพิเศษฯ แสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการแสวงหาทางออกสู่สันติภาพ

โอกาสนี้ ผู้แทนพิเศษฯ ชื่นชมบทบาทที่แข็งขันของรัฐบาลไทยในการผลักดันให้เกิดสันติภาพในเมียนมา รวมถึงการผลักดันให้มีความคืบหน้าในการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน ซึ่งผู้แทนพิเศษฯ เห็นว่า นายกรัฐมนตรีมีความเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี และพร้อมรับข้อเสนอแนะ ตลอดจนพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลไทยเพื่อผลักดันให้เกิดสันติภาพในเมียนมา

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยพร้อมให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการผลักดันให้มีการแก้ไขปัญหาในเมียนมา ทั้งในบริบทความสัมพันธ์ทวิภาคี ความร่วมมือกับอาเซียน และสหประชาชาติ ซึ่งปัญหาในเมียนมามีความซับซ้อน ซึ่งต้องมองด้านประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ ประกอบกันเพื่อเข้าใจสภาพปัญหาอย่างแท้จริง

โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ควรแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยความเข้าใจ และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจจากผู้นำเมียนมา ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการแก้ปัญหา และไทยได้ติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ต้น และเห็นว่าสิ่งสำคัญในตอนนี้คือ การยุติการใช้ความรุนแรง การพูดคุยเพื่อหาทางออกโดยสันติ และการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ประชาชนเมียนมา ซึ่งไทยพร้อมที่จะช่วยขับเคลื่อนความพยายามในด้านนี้ของอาเซียนและของประชาคมโลก ผ่านการขนส่งลำเลียงความช่วยเหลือเข้าไปในเมียนมา โดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งไทยได้ให้การสนับสนุนทางการแพทย์และมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง

สำหรับประเด็นความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมนี้ ไทยมีประสบการณ์ในด้านนี้ และได้มีการวางแผนเตรียมการรับมือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา โดยได้กำหนด “พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว” (humanitarian area) ไว้ตามแนวชายแดน ซึ่งได้วางแนวปฏิบัติและมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ไว้อย่างรอบคอบ และจะส่งตัวกลับประเทศเมื่อผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมามีความพร้อมและสมัครใจจะเดินทางกลับเท่านั้น จึงขอให้มั่นใจว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยได้ให้การดูแลด้านมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในเมียนมาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อแสวงหาทางออกสู่สันติ และเพื่อสวัสดิภาพของประชาชนชาวเมียนมา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ม.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top