SCB แจงปี 64 กำไรเพิ่ม 30.8% รับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยโต-ตั้งสำรองลดลง

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ธนาคารได้เติบโตรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธนาคารผันกลับมามีการเติบโตของกำไรสุทธิอย่างมีนัยสำคัญในปี 64 ขณะเดียวกันธนาคารได้ร่วมมือกับลูกค้าภายใต้โครงการช่วยเหลือทางการเงินให้ทยอยเข้าร่วมกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จภายใต้กรอบของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว

นอกจากนี้ธนาคารยังส่งเสริมการใช้งานผ่านช่องทางดิจิทัลบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น แอปพลิเคชัน SCB EASY และแพลตฟอร์มส่งอาหารโรบินฮู้ด ทำให้ธนาคารสามารถขยายฐานผู้ใช้งานดิจิทัลกว่า 20 ล้านคน สำหรับปี 65 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงมีความไม่แน่นอน ธนาคารยังคงยึดมั่นในการเติบโตธุรกิจด้วยความรอบคอบและมั่นคง และให้การช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบและทุกภาคส่วนของสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน

สำหรับผลประกอบการของธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในปี 64 จำนวน 35,599 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.8% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากความสามารถในการทำกำไรจากของธุรกิจที่ดีขึ้นและการตั้งเงินสำรองที่ลดลง ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองมีจำนวน 86,795 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลของการเติบโตที่แข็งแกร่งของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยและการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ และกำไรสุทธิสำหรับสำหรับไตรมาส 4/64 มีจำนวน 7,879 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ในปี 2564 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 95,171 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิลดลงภายใต้สภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบันและการมุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 55,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.3% จากปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลของการรับรู้กำไรตามราคาตลาดในปัจจุบันของพอร์ตการลงทุนของธนาคารและบริษัทในเครือ และการขยายฐานรายได้ที่แข็งแกร่งของธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งและธุรกิจการขายผลิตภัณฑ์ประกันผ่านธนาคาร และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีจำนวน 63,547 ล้านบาท ลดลง 1.2% จากปีก่อน เป็นผลจากการที่ธนาคารสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของธนาคารในปี 64 ปรับตัวดีขึ้นเป็น 42.3%

ธนาคารได้ตั้งสำรองในปี 64 จำนวน 42,024 ล้านบาท ลดลง 9.9% จากปีก่อน ภายหลังที่ธนาคารได้ตั้งสำรองในระดับสูงกว่าสภาวะปกติในปีก่อน และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นปี 64 อยู่ที่ 3.79% เพิ่มขึ้นจาก 3.68% ในปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลของการจัดชั้นลูกหนี้เชิงคุณภาพในกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารยังอยู่ในระดับสูงที่ 139.4% และเงินกองทุนตามกฎหมายของธนาคารยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.7%

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ม.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top