เอชเอสบีซีชี้นโยบาย Zero-COVID ของจีนอาจส่งผลกระทบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

นายปารัช เชน หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดทุนการขนส่งและท่าระดับโลกของเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของอังกฤษได้กล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “”Squawk Box Asia” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีในวันนี้ว่า การบังคับใช้มาตรการรักษายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้เป็นศูนย์หรือ Zero-COVID ของจีนจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของห่วงโซ่อุปทานโลก เนื่องจากภาวะชะงักงันเพียงเล็กน้อยในจีนมีแนวโน้มจะสร้าง “แรงกระเพื่อม” เป็นวงกว้างไปทั่วโลก

ทั้งนี้ นายเชนกล่าวว่า “โรคระบาดได้เผยให้เห็นว่าการสต็อกสินค้าคงคลังในห่วงโซ่อุปทานมีอยู่น้อยเพียงใด หากเกิดภาวะชะงักงันเพียงเล็กน้อยในจีน ก็สามารถสร้างแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้างไปทั่วห่วงโซ่อุปทานโลกได้”

จีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก ได้เพิ่มความเข้มงวดในการใช้กลยุทธ์ Zero-COVID เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศพุ่งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับหลายประเทศในเอเชีย

จีนมีโครงสร้างพื้นฐานในการลดความคับคั่งทั้งในท่าขนส่งและห่วงโซ่อุปทาน “อย่างไรก็ดี สถานการณ์โรคระบาดจะส่งผลกระทบไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในท้ายที่สุด ดังนั้น ตราบใดที่จีนยังคงบังคับใช้มาตรการ Zero-COVID อย่างเข้มงวดเช่นนี้ต่อไป เราก็ไม่อาจปฏิเสธความเป็นไปได้ในการเกิดภาวะชะงักงันเป็นครั้งคราวในอนาคตได้” นายเชนกล่าว

ทางด้านเจ้าหน้าที่จีนได้สั่งปิดชุมชนที่พักอาศัยหลายแห่งทางฝั่งเหนือของกรุงปักกิ่ง หลังมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ราย ในขณะที่กรุงปักกิ่งเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพจัดพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในวันศุกร์ ที่ 4 ก.พ.นี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ม.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top