RT ตั้งเป้าปี 65 รายได้โต 50% แตะ 4,000 ลบ.ดัน backlog นิวไฮ 8.5 พันลบ.

นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง (RT) เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจปี 65 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 50% แตะ 4,000 ล้านบาท โดยรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับ 12-15% ภาพรวมธุรกิจในปีนี้ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากงานในมือที่จะรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่มีการก่อสร้างตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบริษัทที่มีประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ ซึ่งมีผู้รับเหมาจำนวนน้อยรายที่ดำเนินธุรกิจได้แบบ RT รวมไปถึงงานก่อสร้างภาคเอกชน

สำหรับปี 65 บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างหลัก อาทิ งานก่อสร้างอุโมงค์ในโครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 3 จ.สระบุรี-จ.นครราชสีมา, โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่แตง-แม่งัด จ.เชียงใหม่, โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวคลองมหาสวัสดิ์จากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ถึงถ.ราชพฤกษ์, โครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรัก กรมชลประทาน จ.เลย, โครงการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง, โครงการก่อสร้างทางหลวง อ.นาทวี จ.สงขลา และ งาน Slope Protection

ขณะที่บริษัทมีแผนเข้าประมูลงานโครงการภาครัฐเพิ่มขึ้น ต่อยอดจากการเป็นผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) โดยมุ่งเน้นงานที่มีมาร์จิ้นสูง และ งานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ อาทิ งานประเภทอุโมงค์, งานประเภทเขื่อน และ ระบบชลประทาน, งานท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน คาดว่างานบางส่วนจะเริ่มประกาศรายชื่อผู้ชนะประมูล และเซ็นสัญญาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/65 เป็นต้นไป

ส่วนงานต่างประเทศ บริษัทมีโอกาสในการเข้ารับงานประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้รับเหมาหลัก คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/65 และ จะสามารถรับรู้รายได้ในปี 66

แผนการดำเนินงานดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ทั้งหมดในปีนี้ อยู่ที่ 8,500 ล้านบาท ถือว่าเป็นสถิติใหม่สูงสุดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 65-66

นอกจากนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนจำนวน 570 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการจัดซื้อเครื่องจักร และ วัสดุอุปกรณ์สำหรับการก่อสร้างประมาณ 86% เพื่อเป็นการเตรียมรองรับโครงการใหม่ที่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเฉพาะด้าน อาทิ เครื่องเจาะอุโมงค์ดินอ่อน เป็นต้น ส่วนที่เหลือจะเป็นการจัดซื้อเครื่องมือเครื่องใช้, ยานพาหนะ และอื่น ๆ ในโครงการก่อสร้าง

“การดำเนินงานในปีนี้ แม้ว่าจะยังมีความไม่แน่นอนจาก สถานการณ์ไวรัสโควิด- 19 และ เนื่องจากงานที่ดำเนินงานเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีการรับรู้รายได้ต่อเนื่องในอีก 3-5 ปี ทำให้มีการสะท้อนถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่จะลดลงจากกระบวนการดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นบ้าง แต่บริษัทได้มีการสำรองงบประมาณในส่วนนี้อย่างเพียงพอ และ มีการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี เห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทสามารถควบคุม และ ลดความเสี่ยง รวมถึงการดำเนินงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จ และ ส่งมอบตามกำหนดเวลา”

นายชวลิต กล่าว

ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัท แบ่งตามประเภทงาน ประกอบด้วย งานสร้างอุโมงค์ 52.18%, งานสร้างเขื่อนและระบบชลประทาน 18.35%, งานท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน 18.15%, และ งานอื่นๆ 11.32% อาทิงานก่อสร้างถนน, งาน Slope Protection เป็นต้น โดยมาจากงานภายในประเทศ 99.22% และต่างประเทศ 0.78%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.พ. 65)

Tags: , , ,
Back to Top