WHA ทุ่ม 5 หมื่นลบ.5 ปีขยายอาณาจักร 4 ธุรกิจดันรายได้แตะ 2.1 หมื่นลบ.ปี 69

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ 50,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี ครอบคลุมทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ เพื่อผลักดันรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติแตะระดับ 21,000 ล้านบาทในปี 69 หรือเพิ่มขึ้น 1.75 เท่าจากปี 64 พร้อมรักษาอัตราผลกำไร (EBITDA) แข็งแกร่งกว่า 40% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (IBD) ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมต่ำกว่า 1.2 เท่า

สำหรับงบลงทุน 50,000 ล้านบาท ประกอบด้วย งบลงทุนสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ 18,000 ล้านบาท ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 18,000 ล้านบาท ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน 10,000 ล้านบาท และอีก 4,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในธุรกิจดิจิทัล ธุรกิจสตาร์ทอัพและเทคโนโลยี

นางสาวจรีพร กล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 65 เป็นต้นไปบริษัทยังคงเดินหน้าการขยายทั้ง 4 ธุรกิจ อย่างต่อเนื่อง เพื่อกลับมาเดินหน้าสร้างการเติบโตให้กับริษัทอีกครั้ง หลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเผชิญกับแรงกดดันของการแพร่ระบาดโควิด-19

“เรามองปี 65 ด้วยความมั่นใจและในด้านบวก เพราะเราเชื่อว่าข้อจำกัดต่างๆ เนื่องจากสถานการณ์โควิด จะเริ่มคลี่คลาย โดยเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เราจะเดินหน้ากระบวนการทรานสฟอร์มธุรกิจทุกฮับของเราให้เป็นดิจิทัลต่อไป โดยใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเพื่อยกระดับการดำเนินงานของเราให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ความพร้อมทางด้านดิจิทัลของเราและความสามารถในการนำเทคโนโลยีใหม่มาปรับใช้ตามแผนการลงทุนของบริษัทฯ จะส่งผลต่อความสามารถของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปในการต้อนรับนักลงทุน และเปลี่ยนสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ของรัฐบาลได้เป็นอย่างมาก” 
นางสาวจรีพร กล่าว

โดยปีนี้ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่กลับมาเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด หลังจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง และเริ่มกลับมาเปิดประเทศ ทำให้นักลงทุนและผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆที่บริษัทได้เจรจาไว้ เดินทางเข้ามาสำรวจที่ดินและเซ็นสัญญาซื้อที่ดินได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้กับธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมทั้งในไทยและเวียดนาม

เบื้องต้นบริษัทวางเป้าหมายปี 65 จะมียอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมทั้งในไทยและเวียดนามเพิ่มขึ้นราว 46% แตะ 1,250 ไร่ จากปี 64 แม้จะมีข้อจำกัดด้านการเดินทางแต่ยอดขายที่ดินยังทำได้สูงถึง 855 ไร่ โดยยอดขายปีนี้แบ่งเป็นนิคมฯ ในประเทศ 950 ไร่ และเวียดนาม 300 ไร่ เนื่องจากความต้องการที่ดินของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมมูลค่าสูง 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร และด้านการแพทย์ รวมถึงกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศยังมีค่อนข้างมาก และลูกค้าในประเทศอื่นที่ย้ายฐานการผลิตออกมาจากประเทศจีน

ขณะเดียวกันบริษัทยังขยายนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 4 เพิ่มอีก โดยได้เริ่มการก่อสร้างในไตรมาส 4/64 ที่ผ่านมา และรวมถึงแผนการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง เฟสแรก พื้นที่ 1,100 ไร่ ที่เป็นโครงการร่วมทุนกับบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ซึ่งจะเริ่มพัฒนาในปลายปี 65

ส่วนการลงทุนนิคมฯ ในเวียดนามมีแผนจะเร่งพัฒนาเฟสต่อไป จากเฟสแรกในเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน เหงะอาน เฟส 1 พื้นที่ 900 ไร่ โดยจะลงทุนเฟส 2 พื้นที่ 2,200 ไร่ เริ่มก่อสร้างในไตรมาส 1/65 โดยเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จรวมทั้งเฟส 1 และ 2 รวมส่วนต่อขยาย เขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน เหงะอาน จะมีพื้นที่รวม 11,550 ไร่ พร้อมกับมองหาการลงทุนนิคมฯ ในหัวเมืองหลักของเวียดนาม ทั้งฮานอย และโฮจิมินทร์ เพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างการมองหาทำเลที่เหมาะสม

ด้านธุรกิจคลังสินค้าให้เช่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มโครงการและสัญญาใหม่ๆ ในปี 65 ให้ได้ 180,500 ตารางเมตร ทั้งจากลุ่มลูกค้าเดิม และกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เป็นผู้ประกอบการในกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยกลยุทธ์ปีนี้จะเน้นการเพิ่มสัญญาเช่าคลังสินค้าระยะสั้นมากถึง 100,000 ตารางเมตร โดยปัจจุบันบริษัทมีทรัพย์สินภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารรวมทั้งสิ้น 2.55 ล้านตารางเมตร และปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.68 ล้านตารางเมตร พร้อมกับมีแผนขายพื้นที่คลังสินค้าเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ในปีนี้ พื้นที่คลังสินค้ารวม 180,000 ตารางเมตร มูลค่า 5 พันล้านบาท

นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) กล่าวว่า ธุรกิจสาธารณูปโภคภายใต้ WHAUP ยังมองหาโครงการใหม่ ๆ รวมถึงโอกาสในการลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพิ่มเติมด้วย ขณะที่คาดว่าปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำในปีนี้สูงถึง 128 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ในไทย และ 25 ล้าน ลบ.ม.ในเวียดนาม เพิ่มขึ้นราว 14% จากปีก่อนที่ 135 ล้าน ลบ.ม.

“บริษัทยังมีแผขยายธุรกิจน้ำในแนวดิ่งให้เติบโตมากขึ้น โดยการสำรวจหาแหล่งน้ำดิบทางเลือกต่างๆ เพื่อความมั่นคงและลดต้นทุนในการซื้อน้ำดิบ และยังได้นำแพลตฟอร์ม Smart Utilities Services และ Innovative Solution มาให้บริการแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเออีกด้วย ส่วนในประเทศเวียดนามที่บริษัทถือหุ้นอยู่ในบริษัทน้ำสองแห่ง WHAUP ยังมองหาโครงการใหม่ๆที่จะทำไปควบคู่กับธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงโอกาสในการลงทุน M&A เพิ่มเติม”
นายนิพนธ์ กล่าว

ส่วนธุรกิจด้านพลังงาน WHAUP เตรียมพร้อมเดินหน้าพัฒนาโซลูชั่นพลังงานสะอาดและเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้น ทั้งจากโครงการโซลาร์รูฟท็อปและโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะ (Waste-to-energy) โดยตั้งเป้าหมายสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ลงนามแล้ว 150 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปี 65 นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมนำเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น ระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer (P2P) และระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ Smart Microgrid มาใช้ในนิคมอุตสาหกรรม โดยคาดว่าในปีนี้จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ตามสัดส่วนการถือหุ้นสูงถึง 700 เมกะวัตต์ จากปีก่อน 650 เมกะวัตต์

นายนันท์ศิลป์ เจนวารินทร์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล แพลตฟอร์ม กล่าวว่า WHA ยังปรับปรุงแผนธุรกิจดิจิทัลคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปี 65 โดยมีแผนจัดตั้งบริษัทใหม่เพื่อเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและนำนวัตกรรม รวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกลุ่มธุรกิจของดับบลิวเอชเอ โดยจะมองธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะบริษัทที่เติบโตขึ้นมาในประเทศมาเป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่สำคัญ

บริษัทเดินหน้าวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยปัจจุบันได้มีการติดตั้งโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสง (FTTx) เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม 9 แห่ง และมีแผนจะขยายเพิ่มเป็น 11 แห่ง ในปี 65 ประกอบกับยังได้ขยายธุรกิจให้ครอบคลุมการบริหารจัดการเสาโทรคมนาคมใหม่ทั้งหมดภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ซึ่งจะรวมถึงการก่อสร้างเสาโทรคมนาคมและสถานีฐาน และการให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมมาเช่าพื้นที่บนเสาโทรคมนาคมเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นในการรับและกระจายสัญญาณเครือข่ายทั้ง 3G 4G และ 5G

นอกจากนี้บริษัทยังมีกำไรพิเศษจาการจำหน่าย Data Center 2 แห่ง ในขณะที่ธุรกิจศูนย์บริการระบบข้อมูลสารสนเทศ (Data Center) บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายดาต้าเซ็นเตอร์ 2 แห่ง

นายนันท์ศิลป์ กล่าวว่า ภายในช่วงปี 65-66 กลุ่ม WHA มีแผนการผลักดันในการลงทุนโครงการดิจิทัลเพิ่มเติมราว 30 โครงการ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI IoT Big Data ระบบอัตโนมัติ และวิทยาการหุ่นยนต์ มาปรับใช้งาน และมองหาโอกาสใหม่ๆในด้าน Metaverse เทคโนโลยีควอนตัม และระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่จะเข้ามาเสริมและสนับสนุนศักยภาพการบริการของกลุ่ม WHA และสามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เข้ามาให้กับบริษัทได้เพิ่มเติม และผลักดันเป้าหมายการให้ WHA ก้าวเป็นบริษัทเทคโนโลยีภายในปี 67

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.พ. 65)

Tags: , , ,
Back to Top