สธ.ชี้แนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มหลังผ่อนคลายมาตรการ แต่อาการไม่รุนแรง มั่นใจระบบรองรับได้

นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศว่า แนวโน้มยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการทำให้มีการแพร่เชื้อมากขึ้น โดยในช่วงก่อนเดือนม.ค. แนวโน้มยังทรงตัว จากมาตรการสถานบริการที่ยังเข้มข้น แต่หลังวันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นมา มีการผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก ที่พบการติดเชื้อจากการสัมผัสร่วมบ้าน/ครอบครัว ในโรงเรียน เป็นต้น

แต่หากดูจำนวนผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อ ที่กำลังรักษาทั้งในโรงพยาบาล และรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ในชุมชน (Community Isolation) และโรงพยาบาลสนาม มีอัตราลดลงจากปีก่อน

“สถานการณ์ในประเทศตอนนี้ ศักยภาพทางการแพทย์ยังรองรับได้เพียงพอ…อยากให้ติดตามสถานการณ์ผู้ป่วยอาการหนัก ผู้เสียชีวิต มากกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อ” นพ.จักรรัฐ กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเด็กจะมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่อัตราการเสียชีวิตส่วนใหญ่จะพบในผู้สูงอายุที่มีอายุประมาณ 60-70 ปีขึ้นไปค่อนข้างสูง ดังนั้น จึงอยากรณรงค์ให้พาบุตรหลาน และผู้สูงอายุที่มี่โรคประจำตัวไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น รวมทั้งยังเข้มมาตรการป้องกันตนเอง มาตรการสาธารณสุข รวมถึงลดกิจกรรมที่มีความเสี่ยง เนื่องจากขณะนี้ระดับการเตือนภัยโรคโควิด-19 ยังอยู่ระดับ 4

นพ.วิชาญ ปานวัน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวในรายละเอียดสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มเด็กว่า พบการติดเชื้อเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 5-11 ปีจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตา และโอมิครอน โดยขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก ตั้งแต่ 31 ม.ค.-8 ก.พ. 65 ไปแล้วจำนวน 66,165 คน จากจำนวน 5.1 ล้านคน

นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคได้มีการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.พ. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top