ตร.กวาดล้างมาเฟียน้ำมันเขียวจับประมงเวียนใช้รหัสเรือจมเติมน้ำมันกลางอันดามัน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ติดตาม ควบคุม เฝ้าระวังการทำประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บูรณาการกำลังร่วมกับกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมประมง กรมเจ้าท่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) พร้อมพล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบช.ภ.1 และพล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รองผบช.ทท. โดยเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ได้เข้าจับกุมเรือประมงชื่อ ช.ศรีพลนภา ขณะทำการประมงบริเวณทะเลอันดามัน พื้นที่รอยต่อจังหวัดพังงาและระนอง โดยให้เข้าเทียบท่าที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา

ทั้งนี้ เรือลำดังกล่าวมีพฤติกรรมวนเวียนเติมน้ำมันจากเรือสถานีบริการหลายลำ ในช่วงเวลาต่างๆ กัน โดยใช้รหัสเติมน้ำมันของ “เรือประมงที่แจ้งทำลายเรือ” ไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนวันที่ 13 ก.ค. 64 และขยายผลเข้าตรวจค้นเอกสารหลักฐานต่างๆ จากผู้เกี่ยวข้อง คือ เรือสถานีบริการน้ำมันเขียว บริษัทเข้าของเรือสถานีบริการน้ำมันเขียว รวมถึงสมาคมประมงที่ให้การรับรอง ซึ่งเรือประมงที่ถูกจับกุมบรรทุกน้ำมันประมาณ 30,000 ลิตร และเติมน้ำมันเขียวโดยใช้รหัสเติมน้ำมันเขียวจากเรือประมงลำอื่นที่แจ้งกับกรมเจ้าท่าว่า ถูกทำลายไปแล้ว 6 ครั้ง จะต้องโดนปรับ 4,320,000 บาท

นอกจากนี้ ยังเข้าข่ายกระทำความผิดฐานนำน้ำมันที่ยังไม่เสียภาษีสรรพสามิตเข้ามาในราชอาณาจักร มีโทษปรับสองถึงสิบเท่าของภาษี รวมค่าปรับทั้งสองกฎหมาย รวม 16,920,000 บาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมการดำเนินคดีจากกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชกำหนดการประมง เป็นต้น และจะมีการจับกุมดำเนินคดีกับเรือประมงที่กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันตามมาอีกจำนวนมากในทุกจังหวัดชายทะเล ซึ่งชุดปฏิบัติการกำหนดเป้าหมายไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ. เป็นต้นไป

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า นอกจากจะมีการดำเนินคดีกับกลุ่มเรือประมงที่ไม่มีคุณสมบัติเติมน้ำมันเขียวแล้ว ในส่วนของเรือสถานีบริการ และสมาคมการประมง ที่ให้การรับรองคุณสมบัติและออกรหัสเติมน้ำมันเขียว ก็จะถูกดำเนินคดีด้วยทั้งหมดเช่นเดียวกัน โดยปฏิบัติการครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อพี่น้องชาวประมงที่ประกอบอาชีพโดยสุจริตแต่อย่างใด และยังสามารถเติมน้ำมันเขียวได้ตามปกติเหมือนเดิมทุกประการ

“การบูรณาการการทำงานร่วมกันหลายหน่วยงานครั้งนี้ เป็นการสร้างความเป็นธรรมในระบบภาษีของประเทศในภาวะที่ประชาชนกำลังได้รับความลำบาก แต่มีบางพวก บางกลุ่ม แสวงหาผลประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ภาครัฐดูแลสนับสนุนไป เพื่อประโยชน์ส่วนตัว สร้างความเสียหายจากมูลค่าภาษีที่รัฐควรจะได้ถึงปีละ 700 ล้านบาท”

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะประสานงานหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมประมง ในการเร่งรัดปรับปรุงกระบวนการควบคุม ดูแลการบริหารจัดการน้ำมันเขียวไม่ให้เกิดการกระทำความผิดเช่นนี้อีกโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นประเทศจะอยู่ในความเสี่ยงสูงที่จะถูกองค์การการค้าโลก (WTO) พิจารณายกเลิกมาตรการอุดหนุนการทำประมงโดยโครงการน้ำมันเขียว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพี่น้องชาวประมงทุกคนอย่างร้ายแรง อีกทั้งโดนประชาคมโลกกล่าวหาว่าสนับสนุนการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสินค้าประมงไทย ที่กำลังเป็นรายได้หลักของประเทศในขณะนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.พ. 65)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top