เกาหลีใต้เปิดฉากหาเสียงเลือกตั้งปธน.คนใหม่ ท่ามกลางข่าวฉาวจากทั้ง 2 ขั้ว

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การหาเสียงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ได้เริ่มขึ้นแล้วในวันนี้ โดยผู้สมัครจากพรรครัฐบาลย้ำว่าต้องมีการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศจากโควิด-19 ขณะที่ 2 ผู้ท้าชิงจาก 2 พรรคฝ่ายค้านกำลังตกลงกันให้เหลือผู้สมัครจากฝ่ายค้านเพียงรายเดียว ก่อนเลือกตั้งในวันที่ 9 มี.ค.นี้

นายลี แจ-มยุง ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้จากพรรคเดโมเครติคของรัฐบาล ย้ำว่าเขาพร้อมเปิดรับความเห็นทางการเมืองจากทุกฝ่ายที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน

“แทนที่จะตัดสินว่าใครสังกัดพรรคนั้นพรรคนี้ รัฐบาลที่ทำให้คนเก่งมาทำงานเพื่อประชาชนได้ คือรัฐบาลที่เราทุกคนต้องการไม่ใช่หรือ” นายลีกล่าวปราศรัยครั้งแรกในท่าเรือทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองปูซาน โดยเรียกแนวทางนี้ว่าเป็น “การเมืองที่เน้นภาคปฏิบัติ”

นอกจากนี้ นายลียังเน้นว่าเขาจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเกาหลีใต้โดยการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ซบเซาและทำให้การเติบโตต่อเนื่องเป็นไปได้จริง

ด้านนายยุน ซุค-โยล ผู้สมัครจากพรรคพีเพิล พาวเวอร์ของฝ่ายค้าน กล่าวปราศรัยครั้งแรกในกรุงโซล โดยขอให้ประชาชนมาร่วมเปลี่ยนแปลงการเมืองไปด้วยกัน

“มาร่วมกันพิพากษารัฐบาลเสรีนิยมที่โกงกินและไร้น้ำยาชุดนี้ด้วยการเปลี่ยนอำนาจทางการเมือง” นายยุนกล่าว โดยย้ำว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันไม่สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ เช่น ปัญหาราคาบ้านพุ่งสูง ปัญหาการว่างงาน และปัญหาโควิด-19

ขณะเดียวกัน นายอัน ชอลซู จากพรรคพีเพิล ก็เปิดการหาเสียงในเมืองแทกู ซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลักของสายอนุรักษนิยม โดยให้คำมั่นว่าจะสร้างชาติที่ความเที่ยงธรรมต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด

“ผู้สมัครและครอบครัวจากอีก 2 พรรคนั้น พวกเขามีศีลธรรมและใจซื่อมือสะอาดแล้วหรือ” นายอันกล่าวปราศรัย

อนึ่ง ทั้งนายลีและนายยุนต่างก็พัวพันกับเรื่องอื้อฉาวต่าง ๆ โดยมีรายงานว่า ภรรยาของนายลีเคยใช้ให้เจ้าหน้าที่รัฐมาทำกิจธุระส่วนตัวของเธอเองในสมัยที่นายลีเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ขณะเดียวกัน ภรรยาของนายยุนก็ถูกกล่าวหาว่าเคยปลอมคุณสมบัติในจดหมายสมัครงานด้วย

อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้ นายอันเปิดโอกาสจับมือเป็นพันธมิตรกับนายยุน ผู้ซึ่งมีคะแนนนำในผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนล่าสุดเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ที่จัดทำโดยเรียลมิเตอร์ โดยนายยุนมีคะแนนนำอยู่ที่ 41.6% ตามมาด้วยนายลีที่ได้ 39.1% ส่วนนายอันได้ 7.7%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.พ. 65)

Tags: , ,
Back to Top