ฝ่ายค้าน อัดรัฐบาลบริหารวัคซีนโควิดผิดพลาด-ปกปิดตัวเลขผู้ติดเชื้อ

นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงความผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ว่าในช่วงปี 64 รัฐบาลมีการบริหารวัคซีนโควิดผิดพลาดล่าช้า มีการกระจายวัคซีนไม่เป็นธรรม มีแผนการจัดหาวัคซีนไม่รัดกุม จัดหาวัคซีนราคาแพงคุณภาพต่ำมาให้คนไทย กีดกันภาคเอกชนในการนำเข้าวัคซีนชนิด mRNA ทำให้คนไทยต้องติดโควิดถึง 2 ล้านคน เนื่องจากช่วงที่โควิดระบาดหนักมีวัคซีนไม่พอ แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น วัคซีนต่างๆ เริ่มเข้ามามากขึ้นจนล้นสต็อก หลายโรงพยาบาลฉีดไม่ทัน

ดังนั้น จึงขอตั้งคำถามว่ามีวัคซีนโควิดที่รัฐจัดซื้อเข้ามาเหลือใช้จนหมดอายุต้องทิ้งไปจำนวนเท่าไหร่ นอกจากนี้ ในการจัดซื้อวัคซีนมีใครได้ผลประโยชน์หรือไม่ ในขณะเดียวกัน สิ่งที่รัฐบาลต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ คือ ทั่วโลกให้เด็กฉีดวัคซีน mRNA เป็นหลัก แต่ประเทศไทยอนุญาตให้ใช้วัคซีนซิโนแวคในเด็กด้วย เป็นที่ต้องสงสัยว่ารัฐบาลต้องการระบายวัคซีนที่เหลือหรือไม่

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อในแต่ละวันนั้น อาจน้อยกว่าความเป็นจริง เป็นเทคนิคให้ประชาชนรู้สึกว่าสถานการณ์โควิดดีกว่าสถานการณ์จริง ขณะเดียวกันตัวเลขผู้ติดเชื้อในแต่ละวันยังไม่รวมการตรวจหาเชื้อด้วย Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งหากรวมจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อแตะเกือบ 30,000 รายต่อวัน ทั้งนี้ รัฐบาลยังมีแนวโน้มที่จะยกเลิกการประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน รัฐยังจะประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น แต่ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ยังประกาศให้ระวังโรคโควิดอยู่ โดยรวมแล้วรัฐบาลถ่วงดุลระหว่างการบริหารจัดการโควิดควบคู่กับการบริหารเศรษฐกิจไม่ได้ และใช้เงินจำนวนมากในการควบคุมโควิด

ด้าน นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายประเด็นเรื่องข้อมูลการฉีดวัคซีนของประเทศไทย ที่ฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้วกว่า 70% แต่ในส่วนนี้มีการฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มจำนวน 16.17% ซึ่งไม่ควรนับรวมด้วย อย่างไรก็ตาม ประชากรที่มีความจำเป็นต้องได้รับวัคซีนคือ เด็กอายุ 0-12 ปี จำนวน 9 ล้านคน หรือคิดเป็น 15% ของประชากร

ทั้งนี้ สถานการณ์ปัจจุบัน เริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้มให้เด็ก 5 ปีขึ้นไป ที่มีโรคประจำตัว 7 โรคที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติฯ และในสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเห็นชอบให้ใช้วัคซีนชิโนแวคสำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปได้ หลังจากองค์การอาหารและยา (อย.) อนุมัติขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม โดยขณะนี้ อย. อยู่ระหว่างการพิจารณาเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมจากองค์การเภสัชกรรม ซึ่งเป็นผู้นำเข้าวัคซีน หากมีการอนุมัติแล้วกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมนำมาฉีดในเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปทันที

แม้ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันวัคซีนที่ต่างประเทศมีการรับรองให้ฉีดในเด็ก คือ ไฟเซอร์ โดยราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ไม่มีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนเชื้อตายในเด็กเนื่องจากข้อมูลผลการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังมีจำกัด ส่วนกรณีที่ อย. จะอนุมัติให้สามารถฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายในกลุ่มเด็กวัย 3 ปี เรื่องนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลตรงนี้อย่างกว้างขวาง ปัจจุบันมีข้อมูลเฉพาะวัคซีนชนิด mRNA หรือไฟเซอร์ แม้แต่ผลการศึกษาเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในเด็กก็ยังไม่มีเช่นกัน ในประเด็นการฉีดวัคซีนแบบไขว้ ปัจจุบันการฉีดวัคซีนไขว้มีเพียงในผู้ใหญ่เท่านั้น การจะนำมาฉีดในเด็กยังไม่มีข้อมูล แม้ในต่างประเทศก็ยังไม่มีผลการศึกษาในเด็ก

“การกระทำของรัฐบาลคือไม่เชื่อหมอเด็ก ไม่เชื่อหมอโรคติดเชื้อในเด็ก แล้วท่านเชื่อใคร เพราะอะไร ข้อมูลวัคซีนเชื้อตายในผู้ใหญ่มาถึงทางตันแล้ว แต่ก็มาผลักดันใช้ในเด็กต่อทั้งที่ไม่มีข้อมูล คนไทยเป็นหนูทดลองไม่พอยังเอาลูกหลานไทยมาเป็นหนูทดลองต่อ หมอเด็กหากไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ ก็ต้องออกมาส่งเสียง”

นพ.วาโย กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.พ. 65)

Tags: , , , , , ,
Back to Top