WICE ผ่านแผน Spin-Off ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ ขายหุ้น IPO-เข้า mai

บมจ.ไวส์โลจิสติกส์ (WICE) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติแผนการเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (ETL) ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนำ ETL เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยจะดำเนินการให้มีการออกและเสนอขายหุ้น IPO (แผน Spin-Off) ในสัดส่วนไม่เกิน 30% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ ETL ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4/65

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่อาจเกิดขึ้นจากแผน Spin-Off จึงเห็นควรให้มีการเสนอขายหุ้นสามัญที่จะออกและเสนอขาย IPO เฉพาะกลุ่มซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ให้มีสิทธิจองซื้อหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ (Pre-emptive Rights) ในสัดส่วนไม่เกิน 20% ของจำนวนหุ้น IPO

อนึ่ง ETL ประกอบธุรกิจบริหารโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ มี WICE ถือหุ้น 51% นายลี ยิค เชร์ ถือหุ้น 17.97% นางสาวกฤชวรรณ ซื้อเจริญชัย 8.98% และ Noya Holdings (HK) Co., Limited 22.05%

พร้อมกันนั้น นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WICE ยังเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติอนุมัติการเพิ่มทุน 66.50 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนในคลังสินค้าแห่งใหม่ ภายใต้บริษัท ไวส์ ซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ จำกัด โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการและทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/65

“ทิศทางการดำเนินงานในปี 65 จะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ จากการให้บริการที่ครบวงจร และ การขยายโครงข่ายพันธมิตรการขนส่งครอบคลุมทุกเส้นทาง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในแผนการดำเนินงานที่วางไว้ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ที่ 20% หรือประมาณ 9,000 ล้านบาท”

 นายชูเดช กล่าว

ด้านผลประกอบการไตรมาส 4/64 บริษัทยังคงเดินหน้าทำกำไรสูงสุดต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน โดยมีรายได้รวม 2,392.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,399.16 ล้านบาท จำนวน 993.20 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 70.99 % และ มีกำไรสุทธิ 180.36ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59.40 ล้านบาท จำนวน 120.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 203.65%

ขณะที่ทั้งปี 64 บริษัทมีรายได้เติบโตกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 132.26 % โดยมีรายได้รวม 7,670.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,005.57 ล้านบาท จำนวน 3,665.17 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 91.50 % และ มีกำไรสุทธิ 535.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 201.08 ล้านบาท จำนวน 334.45 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 166.32 %

สัดส่วนรายได้ปี 64 แบ่งเป็น บริการการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) 47%, การขนส่งทางอากาศ (Air Freight) 23%, การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) 25% , และงานซัพพลายเชนโซลูชั่นส์ 5%

นายชูเดช กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแผนกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ โดยมุ่งเน้นเพิ่มความสามารถในการทำกำไรใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบกับยังคงอยู่ในช่วงไฮซีซั่นธุรกิจที่มีปริมาณความต้องการขนส่งสินค้าปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐฯ และ จีน ครอบคลุมการให้บริการขนส่งสินค้ากลุ่มมาร์จิ้นสูง อาทิ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์, กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก

สำหรับปัจจัยเสริมด้านค่าระวางเรือที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง จากการปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน และ ความแออัดของท่าเรือ (Congestion) โดยบริษัทคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องจนถึงกลางปี 65 ซึ่งถือว่าเป็นผลดีต่อบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงบริหารจัดการตามแผนได้เป็นอย่างดีและสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.พ. 65)

Tags: , ,
Back to Top