SCN คาดปี 65 โตต่อเนื่องรับน้ำมันแพงดันดีมานด์ก๊าซเพิ่ม-ลุยกัญชงเต็มสูบ

นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สแกน อินเตอร์ (SCN) เปิดเผยว่า ในปี 65 บริษัทคาดว่าสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากการชนะประมูลสัญญาในหลายโครงการอย่างต่อเนื่องเมื่อปีที่ผ่านมา

นอกเหนือไปกว่านั้นยังมีธุรกิจน้องใหม่ อย่างธุรกิจกัญชงที่คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญให้กับบริษัทได้ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา ที่มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เฟส 2 เพิ่มขึ้นได้ในปีนี้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ SCN ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง พร้อมเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจและการมองหาตลาดใหม่ ๆทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เข้มแข็ง สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน ควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท เติบโต 59.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พลิกสถานการณ์โควิด- 19 ได้อย่างน่าชื่นชม โดยมีรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่ 1,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 190 ล้านบาท หรือ 12.7% และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 314.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4%

รายได้ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น ยังคงมาจากรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยมีรายได้ 1,065.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.6% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มีรายได้ซ่อมบำรุงรักษาสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) เพิ่มขึ้นจากการได้สัญญาใหม่กับ บมจ. ปตท. (PTT) ระยะเวลาสัญญา 2 ปี มูลค่ากว่า 195 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 2564

ในส่วนธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่ และซ่อมบำรุงรถโดยสารปรับอากาศ มีรายได้ 140.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 83.5% โดยนอกจากจะสามารถดำเนินงานจากสัญญาซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV ได้เป็นอย่างดีตามเป้าหมายแล้ว บริษัทยังมีการปรับกลยุทธ์ให้มีการจัดจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจยานยนต์ ซึ่งเริ่มดำเนินงานเมื่อช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนมีรายได้ 145.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 28.5% เนื่องจากยอดขายชิ้นส่วนอะไหล่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้การจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1.27 MW ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นอกจากนี้สำหรับอีกหนึ่งธุรกิจดาวเด่นของ SCN คือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ยังคงสร้างรายได้ต่อเนื่อง ทำให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 59.0 ล้านบาท บวกกับ การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจำนวน 13.0 ล้านบาทจากการ COD เพิ่มเติมของโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาผ่านบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด (SAP) ซึ่งมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้า 83.1% พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องเพื่อสร้างผลประกอบการเพิ่มขึ้นในอนาคต

สุดท้ายสำหรับธุรกิจขนส่งสร้างรายได้โต 19.1% เพราะนอกจากจะมียอดขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากปริมาณการใช้ก๊าซที่สูงขึ้นแล้ว บริษัทยังได้รับชัยชยะการประมูลงานขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมอีก 2 สัญญา ซึ่งบริษัทฯ เริ่มดำเนินงานและรับรู้รายได้จากสัญญาดังกล่าวตั้งแต่เดือนกรกฎาคมและเดือนธันวาคม 2564 ทำให้กลุ่มธุรกิจขนส่งของบริษัทสามารถทำรายได้ได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา

“การที่รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้นในทุกภาคธุรกิจ โดยเฉพาะความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ การขนส่ง และธุรกิจจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ที่เริ่มดำเนินการในปีนี้ รวมถึงประสบความสำเร็จจากการเข้าไปลงทุนในบริษัทร่วมทั้งจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา และจากโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ผ่านบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด หรือ SAP ที่สามารถสร้างกำไรได้เป็นอย่างดี”

ดร.ฤทธี กล่าว

ทั้งนี้สำหรับงบปี 64 บริษัทมีค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นจากการโอนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ iCNG ไปยังบริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด (TJN) จำนวน 11.0 ล้านบาท เพื่อจำหน่ายหุ้น 49% ให้กับบริษัท Shizuoka Gas Company Limited (SZG) ในญี่ปุ่น เพื่อร่วมมือขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติในระดับสากล โดยบริษัทได้ขายหุ้นแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 7 ม.ค.65 ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้ามาจำนวน 313.1 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่บริษัทฯ ยังไม่ได้บันทึกรายได้ดังกล่าวในรอบผลประกอบการปี 64 นี้

ประกอบกับบริษัทฯ มียอดค้างชำระของลูกค้าบางส่วนซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้จำเป็นต้องบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าตามมาตรฐานบัญชี TFRS 9 จำนวน 37.8 ล้านบาท ซึ่งหากหักผลกระทบดังกล่าวออกไป จะทำให้บริษัทฯ บันทึกกำไรในปี 2564 สูงขึ้นเป็น 117.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 171.4%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 65)

Tags: , , ,
Back to Top