TWPC เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Bioplastic หวังสร้างรายได้ 1 พันลบ.ภายใน 3-5 ปี

นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยวา (TWPC) เปิดเผยว่า ในเดือน มี.ค.นี้บริษัทมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ Bioplastic ภายใต้แบรนด์ “ROSECO” ซึ่งเป็นการนำแป้งมันสำปะหลังมาพัฒนาเป็นบรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียว และพลาสติกคลุมดินที่ย่อยสลายได้ภายใน 4-6 เดือนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร

สอดคล้องกับ core value หลักของ TWPC และตอบสนอง Global Issue ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดการใช้ขยะพลาสติก รวมถึงปัญหาโลกร้อน (Climate Change) เพื่อให้มีการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรของห่วงโซ่อุปทานอาหาร ซึ่งบริษัทถือเป็นผู้บุกเบิกพลาสติกชีวภาพจากแป้งมันสำปะหลังเชิงพาณิชย์รายแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตเฟสแรก 3,000 ตันต่อปี และคาดว่าธุรกิจนี้จะช่วยสร้างรายได้ 1,000 ล้านบาทในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

สำหรับแนวโน้มธุรกิจปีนี้ของกลุ่มบริษัท ประเมินว่ายังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง เพราะความต้องการผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง ยังคงอยู่ในระดับสูงจากการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบต่างๆ ขณะที่ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลังยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ตามความต้องการใช้แป้งมันสำปะหลังของตลาดชั้นนำอย่างประเทศจีน

ส่วนปริมาณหัวมันสำปะหลังในฤดูการผลิตในปี 64/65 คาดว่าจะมีปริมาณอยู่ที่ 33.0 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของมันสำปะหลัง พร้อมกันนี้บริษัทฯจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ Bioplastic ซึ่งทำให้บริษัทคาดการณ์ว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 65 จะสามารถเติบโตได้ Double digit หรือยอดขายแตะระดับ 10,000 ล้านบาท

ขณะที่แนวโน้มการส่งออกในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถขยายฐานลูกค้าส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ นอกจากจีนและไต้หวันได้ เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ซึ่งปีนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังเวียดนาม กัมพูชา และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากในช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 บริษัทได้ลงทุนในเรื่องการพัฒนาความสามารถของบุคคลากรในจีน เวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งเป้าหมายของบริษัทคือการก้าวเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“บริษัทยังมุ่งที่จะขยายตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขยายฐานการผลิตและการส่งออก รวมถึงการขยายฐานผู้บริโภคให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ผ่านนวัตกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน สร้างความมั่นคงทางอาหารและความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการสร้างคุณค่าต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มี.ค. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top