JCKH กางแผนธุรกิจปี 65 มั่นใจยอดขายสูงกว่าปีก่อน-ขาดทุนลดลง ลุยลงทุนเพิ่มอาหาร-รร.

นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ (JCKH) เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศยังคงเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่กลับพบว่าประชาชนสามารถปรับตัวและเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ ก่อให้เกิดการบริโภค ดังเห็นได้ว่ายอดขายผ่านร้านอาหารภายใต้การบริหารของ JCKH ที่มีจำนวน 80 สาขา ใน 3 แบรนด์ ประกอบด้วย ร้านชาบู HOTPOT ร้านปิ้งย่าง DAIDOMON และร้านอาหารจีน เจิ้ง โต่ว พบว่ามียอดขายที่ดีขึ้น

ด้วยเหตุนี้ทำให้บริษัทฯมีความมั่นใจในสถานการณ์การบริโภคในประเทศ กำหนดแผนปรับปรุงสาขาเดิมและเปิดสาขา DAIDOMON รวม 15 สาขา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันนิยมการทานปิ้งย่างมากขึ้น

ขณะเดียวกันเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ โดยได้ซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ร้านอาหารสัญชาติอังกฤษ “Burger&Lobster” คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนพฤษภาคมนี้ ที่ศูนย์การค้าพารากอน จำนวน 1 แห่ง และเตรียมเปิดในปีนี้อีก1 สาขา ปี 66 อีก 2 สาขา และอยู่ระหว่างเจรจาขอซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ประเทศในแถบเอเชีย คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้

นอกจากนี้ JCKH ได้ใช้เงินลงทุนราว 450 ล้านบาท เพื่อซื้อโรงแรมที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย 3 แห่ง รวม 350 ห้อง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการภายในปีนี้ 1 แห่ง และกลางปี 66 อีก 2 แห่ง คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทต่อปี โดยจะรับรู้รายได้จากการลงทุนเต็มปีตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป รองรับการเติบโตในอนาคต สาเหตุที่บริษัทฯให้ความสำคัญกับจังหวัดเชียงรายเนื่องจากเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญของประเทศแล้ว ยังพบว่าจะได้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงการเดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และจีน จะก่อให้เกิดการค้าและการลงทุนตามมา

“ด้วยการลงทุนข้างต้นทำให้บริษัทฯมีความเชื่อมั่นว่า ยอดขายในปี 65 นี้ น่าจะเพิ่มสูงกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากการขยายสาขาและปรับปรุงสาขาเดิมแล้ว บริษัทฯยังเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอาหารและค่าใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในปีนี้มุ่งหวังให้ผลขาดทุนลดลงและแสดงกำไรสุทธิให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างรากฐานในการขยายธุรกิจในอนาคต”

นายอภิชัยกล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top