ทำเนียบขาวคาดเงินเฟ้อเดือนมี.ค.พุ่งแรง จากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน

คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้แสดงความกังวลว่า ตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ อาจพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน

กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมี.ค.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะพุ่งขึ้น 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2524

นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่า ดัชนี CPI เดือนมี.ค.จะพุ่งขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานและทำให้ราคาสินค้าผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยทั้งดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งคำนวณราคาสินค้าผู้บริโภคทุกประเภท และดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงาน

ทำเนียบขาวคาดการณ์ว่า ทั้งดัชนี CPI ทั่วไปและดัชนี CPI พื้นฐานจะพุ่งขึ้นอย่างมาก เนื่องจากราคาพลังงานปรับตัวขึ้นอย่างผิดปกติในเดือนมี.ค. โดยสมาคมผู้ผลิตยานยนต์อเมริกา (AAA) ระบุว่า ราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 4.33 ดอลลาร์/แกลลอน เมื่อวันที่ 11 มี.ค.

“ในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นสูงกว่าระดับก่อนเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนกว่า 1 ดอลลาร์ ดังนั้น เราคาดว่าราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้น 25% จะผลักดันให้ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นด้วย”

นางซากีกล่าว

ส่วนในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ดัชนี CPI ของสหรัฐพุ่งขึ้น 7.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2525

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 เม.ย. 65)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top