กมธ.กฎหมายลูกขยายเวลาประชุมเพิ่ม คาดเสร็จทันก่อนเปิดประชุมสภา 22 พ.ค.

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมจะมีการพิจารณาขยายช่วงเวลาการประชุม เพื่อชดเชยวันหยุดช่วงเทศสงกรานต์ เพราะเป็นข้อตกลงของ กมธ.วิสามัญฯ ว่าจะทำกฎหมายให้แล้วเสร็จก่อนเปิดประชุมสภาสมัยสามัญช่วงเดือน พ.ค.65 จึงได้นัดประชุมทดแทน เนื่องจากเดือน เม.ย.65 มีวันหยุดหลายวัน และจะมีวันหยุดอีกครั้งในช่วงต้นเดือน พ.ค.65 โดยหลายคนไม่อยากเพิ่มวันประชุม จึงมีมติให้ประชุมวันเดิม คือ วันพุธ และวันพฤหัสบดี แต่ขยายเวลาการประชุมจากเดิมเวลา 09.30-13.30 น. เป็น 09.30-16.30 น. โดยจะดูเนื้อหาถ้าพิจารณาไปได้เร็วในสัปดาห์หน้าก็อาจจะกลับไปประชุมในช่วงเวลาเดิม

นายสาธิต ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเพิ่มวันประชุมแต่มีการเพิ่มเวลา ในส่วนของกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มี 2 ประเด็นที่ต้องถกเถียงกัน ถ้า 2 ประเด็นนี้จบได้ง่าย คิดว่าน่าจะเสร็จทัน แต่ถ้ามีการอภิปรายหรือมีความเห็นแตกต่างก็จะต้องเพิ่มเวลา แต่เบื้องต้นอาจจะยังไม่เพิ่มวัน โดยมีเป้าหมายให้เสร็จทันวันที่ 22 พ.ค.65

ส่วนประเด็นไพรมารีโหวตเป็นอีกประเด็นหนึ่งในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ในแง่ที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมจะพูดถึงการทำไพรมารีโหวตอย่างไร พรรคการเมืองก็เห็นอุปสรรคว่าปัญหาในการทำไพรมารีโหวตอาจยังไม่สะท้อนความเป็นจริง ในส่วนของหลักการคืออยากให้ประชาชนและสมาชิกพรรคในแต่ละเขตเลือกตั้งมีส่วนแสดงความคิดเห็น ซึ่งอาจจะจบตรงกลางก็ได้ว่าให้มีส่วนร่วมแต่จะด้วยวิธีไหน เช่น ไม่ถึงกับให้ลงมติ แต่ให้รับฟังความคิดเห็นตามขั้นตอนทางกฎหมาย ทั้งนี้ ยังเป็นความเห็นส่วนตัว ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม กมธ.ฯ ว่าจะทำอย่างไร แต่สุดท้ายคิดว่าพอทุกอย่างไหลลื่นไปได้ คงไม่มีอะไรที่จะต้องใช้เวลานานมากนัก ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็จะนำไปสู่การลงมติอยู่ดี

สำหรับข้อเสนอให้ยกเลิกการทำไพรมารีโหวตในรูปแบบการหยั่งเสียง นายสาธิต กล่าวว่า มี 2-3 เหตุผล บางเหตุผลกล่าวว่าสมาชิกพรรคหลักร้อยจะมาแสดงออกถึงความต้องการของการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งในแต่ละเขตมีประชาชนแสนกว่าคนได้หรือไม่อย่างไร หรือบางคนคิดว่ายังจำเป็นต้องคงไว้ เนื่องจากต้องล้อไปตามรัฐธรรมนูญ แต่ตนคิดว่าเราเขียนกฎหมายแล้วต้องทำให้ได้จริง ไม่เช่นนั้นจะสร้างปัญหาเพิ่มมากขึ้น ถ้าทำกฎหมายแล้วไม่สามารถให้ผู้ปฏิบัติไปปฏิบัติได้ ก็จะสะท้อนว่าประเทศเราอาจจะเป็นปัญหา เรื่องที่กฎหมายเขียนอย่างหนึ่ง แต่การบังคับใช้เป็นอีกอย่างหนึ่ง ทำให้ประสิทธิภาพการบังคับใช้ หรืออาจทำให้ทุกนโยบายเกิดปัญหาต่อไปได้

นายสาธิต กล่าวว่า การพิจารณาของ กมธ.ฯ สำหรับท่าทีของ ส.ว.เป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งแต่ละคนมีความคิดเห็นในการพูดกันอย่างตรงไปตรงมา แต่สุดท้ายการลงมติก็เป็นไปตามเสียงส่วนใหญ่ จะเห็นได้ว่าฝั่ง ส.ว.มีความเป็นเอกภาพในการลงมติที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ในส่วนของพรรคการเมืองก็อาจมีความเห็นที่แตกต่าง ในส่วนของเรื่องอื่นก็จะดูต่อไปว่าจะมีการลงมติเป็นอย่างไร หวังว่า กมธ.ฯ จะลงมติในเชิงความเห็นส่วนตัวเป็นหลัก และรับฟังความคิดเห็น พร้อมลงมติในส่วนที่น่าจะเป็นทิศทางในการพัฒนาประชาธิปไตยโดยใช้การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม มีกติกาที่ออกแบบได้สมบูรณ์และทำได้จริงที่สุด

ส่วนกรณีที่มี ส.ว.บางคนประเมินว่าทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาฯ ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วจะทำให้การพิจารณากฎหมายลูกสะดุดนั้น นายสาธิต กล่าวว่า คิดว่าไม่เป็นปัญหา เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้เสร็จภายใน 180 วัน ที่เราตั้งเป้าให้เสร็จเร็วก็เพื่อให้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะไม่เกิดเดตล็อกในการแก้รัฐธรรมนูญไปแล้ว และมาออกกฎหมายลูกเพื่อปฏิบัติได้จริงในกติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ฉะนั้นเราจำเป็นต้องออกกฎหมายลูกให้ทัน

“สมมติว่ามีปัญหาเกิดขึ้นในเสียงในสภาฯ กฎหมายนี้จะเป็นสิ่งสำคัญในการนำไปใช้ไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งเป็นหนึ่งในทางออกของการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี ดังนั้นตัวเครื่องมือจะต้องพร้อม เพื่อรองรับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพราะถ้าเครื่องมือไม่พร้อม และเกิดสถานการณ์ที่เป็นอุบัติเหตุ ก็จะทำให้เกิดเดดล็อกที่ไม่สามารถเดินหน้าไปได้ หากต้องไปออก พ.ร.ก.ก็อาจจะนำไปสู่การไม่ยอมรับของคนทุกฝ่าย” นายสาธิต ระบุ

ส่วนปัญหาที่เกิดเดตล็อกหรือไม่นั้น นายสาธิต กล่าวว่า ไม่มีใครตอบได้ แต่เข้าใจว่ารัฐบาลก็คงจะบริหารจัดการเสียงได้ตามที่เดินหน้ามา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 เม.ย. 65)

Tags: , ,
Back to Top