จุรินทร์ ยันรับผิดชอบกรณี ปริญญ์ ตามมาตรฐานพรรค ไม่ผลักภาระ-ไม่หนีปัญหา

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมใหญ่สามัญของพรรคฯ ได้สอบถามถึงกรณีที่นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคฯ ถูกแจ้งความดำเนินคดีล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งตนได้ชี้แจงว่ามีการแถลงข่าวไปแล้ว นอกเหนือจากการให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านั้น และขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งมี น.ส.รัชดา ธนาดิเรก และบุคคลภายนอกพรรคที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชน บทบาทสตรี และผู้ส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ เข้ามาร่วมเป็นคณะทำงาน และเป็นคณะกรรมการ ซึ่งจะเป็นผู้ที่เข้าไปช่วยดูด้วยว่าในอนาคตจะหาทางป้องกันปัญหาได้อย่างไร และจะแก้ไขปัญหาอย่างไร รวมถึงจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้าง ซึ่งอาจจะกลายเป็นต้นแบบของพรรคการเมืองทุกพรรคต่อไปในอนาคตได้

ส่วนกรณีมีผู้นำข้อความทางไลน์ภายในพรรคออกไปเผยแพร่ข้างนอกนั้น เรื่องนี้ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเช่นเดียวกับที่สาธารณชนรับทราบว่าพรรคมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ รวมไปถึงการกำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไปในอนาคตด้วย โดยมอบให้นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคเป็นผู้ดำเนินการต่อไป

ส่วนข้อเรียกร้องให้ลาออกนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนได้พูดเรื่องนี้ไปแล้วว่าความรับผิดชอบนั้น ถ้ามันเลยขอบเขตก็จะกลายเป็นความไม่รับผิดชอบ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้ทำไปก็คือ เมื่อปัญหาเกิดในยุคเรา ตนก็ไม่ผลักความรับผิดชอบ เราก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไปข้างหน้าให้ได้ และก็ไม่หนีปัญหา เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ก็คือสิ่งที่เราได้ยึดถือยึดมั่นมา หรือแม้แต่กรณีที่นายวิทยา แก้วภราดัย ได้ออกมายกตัวอย่างว่าในยุคที่เป็น รมว.สาธารณสุข เคยถูกกล่าวหาทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งก็ได้แสดงความรับผิดชอบหรือแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข แต่กรรมการบริหารพรรคในขณะนั้นก็ไม่ได้ลาออก ไม่ได้หนีปัญหา และได้เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาด้วยการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค จนกระทั่งมีมติที่จะให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี และตนก็เป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากมติพรรคให้ปรับคณะรัฐมนตรีจากตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ไปเป็น รมว.สาธารณสุข เพื่อไปแก้ปัญหาในกระทรวงสาธารณสุขจากการลาออกของนายวิทยา ซึ่งเรื่องนั้นเป็นมาตรฐานหรือเป็นสิ่งที่เราได้เคยปฏิบัติมา ยุคนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนมาตรฐาน

“ยุคนี้ก็ได้ปฏิบัติไปตามนั้น เมื่อคุณปริญญ์เป็นผู้ที่ถูกกล่าวหา คุณปริญญ์ก็ได้ลาออกไปจากทุกตำแหน่งในพรรค ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็ไม่มีหน้าที่ที่จะแสดงความรับผิดชอบจนเกินเลยขอบเขตของความรับผิดชอบจนกลายเป็นการหนีความรับผิดชอบ และกรรมการบริหารพรรคก็มีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นที่มาของการตั้งคณะกรรมการ ที่มี ดร.รัชดา เข้ามาแก้ไขปัญหา” นายจุรินทร์ กล่าว

สำหรับการชี้แจงในที่ประชุมวันนี้จะทำให้ปัญหาภายในพรรคคลี่คลายได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในที่ประชุมก็ไม่มีผู้ใดถามเรื่องนี้เพิ่มเติมอีก ทุกคนก็รับทราบและเข้าใจในคำชี้แจง

ส่วนที่มีคนมองว่าปัญหาดังกล่าวเหมือนเป็นระเบิดเวลานั้น หัวหน้าพรรค กล่าวว่า ตนไม่ไปขอตอบตรงนั้น เมื่อเรามีหน้าที่อะไร มีปัญหาเกิดขึ้นเราก็ต้องรับผิดชอบด้วยการแก้ไขปัญหา ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ เพราะฉะนั้นไม่ได้แปลว่าวันนี้ประชาธิปัตย์เจอปัญหานี้แล้ว เราจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ประชาธิปัตย์จบแล้วเหมือนที่บางคนพยายามพูดให้เป็นอย่างนั้นซึ่งตนไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น

“ทุกยุคทุกสมัยก็มีปัญหาเกิดขึ้น กรรมการบริหารพรรคที่สมาชิกเขาเลือกมาจากมติทั่วประเทศก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหา ไม่ว่าองค์กรใด ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ทุกองค์กรมีปัญหาได้ทั้งสิ้น คนที่รับผิดชอบองค์กรก็ต้องแก้ปัญหาในรัฐบาลก็มีปัญหา ไม่ใช่ไม่มี คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี คนเป็นรัฐมนตรีก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหา เพราะเขาเลือกขึ้นมาเป็นผู้บริหารพรรค หรือผู้บริหารองค์กรเพื่อไปแก้ปัญหา ถ้าหนีปัญหาก็กลายเป็นความไม่รับผิดชอบประการหนึ่งเหมือนกัน ทุกอย่างมีหลายมุม” นายจุรินทร์ กล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณสมาชิกจากทุกภาคทั่วประเทศที่มาให้กำลังใจกับตนและกรรมการบริหารพรรคทุกคน ขอขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง สิ่งเดียวที่ตนและคณะกรรมการบริหารพรรคจะทำได้ก็คือเราต้องปฏิบัติหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดให้สมบูรณ์แบบที่สุด แล้วพาพรรคให้เดินข้างหน้าให้ได้ ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสในการที่จะนำพรรคเดินไปข้างหน้าต่อไปและส่งไม้ต่อให้คนรุ่นต่อๆ ไป ให้คนรุ่นใหม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อไปในอนาคต

หากมี กก.บห.ลาออกเพิ่มเติมอีกจะมีแนวทางอย่างไร หัวหน้าพรรค กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิ์ของแต่ละท่าน เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทุกคน ในทุกวิกฤติมีโอกาส เมื่อเราไม่ประสงค์ให้ใครออกจากพรรค แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็มีหน้าที่ต้องหาคนใหม่ในการเข้ามาชดเชยทดแทน ทุกองค์กรก็มีเข้ามีออก ทุกองค์กรก็มีสิ่งที่หมดภารกิจไป แต่ตนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่ใครจะลาออก อย่าเข้าใจผิด แต่ทุกองค์กรต้องมีหน้าที่สร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาในการที่จะต่อเติมอนาคตให้กับองค์กรนั้นๆ ประชาธิปัตย์ก็เหมือนกัน ทุกพรรคก็เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ไม่งั้นประชาธิปัตย์อยู่ยั้งยืนยงมา 76 ปี แล้วเดินหน้าสู่ปีที่ 77 ต่อไปไม่ได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 เม.ย. 65)

Tags: , ,
Back to Top