KCC เตรียมพร้อมเข้าเทรด mai ต้น พ.ค.หลังปิดขาย IPO เกลี้ยง 160 ล้านหุ้น

นางสุพัตรา ภู่พัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ทรีนีตี้ ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหรือ Lead Underwriter บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) กล่าวว่า หุ้น IPO ของ KCC ที่เปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 22,25 และ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเต็มจำนวนและเกินกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ KCC ที่ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPLs) หรือ AMC มายาวนานกว่า 20 ปีและในอนาคตอุตสาหกรรม AMC ยังมีแนวโน้มเติบโตตามปริมาณหนี้ NPLs ของสถาบันการเงินไทยที่จะพุ่งขึ้นภายหลังวิกฤติโควิด-19 และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อส่งผลทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว จึงเชื่อว่า KCC จะได้รับการตอบรับที่ดีในวันแรกที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ต้นเดือน พ.ค.65 นี้

ทั้งนี้ KCC เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ราคา 3.70 บาท/หุ้น โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 4 บริษัท ได้แก่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.เอเซีย พลัส และบล.คิงส์ฟอร์ด

ด้าน นายวัชรินทร์ เลิศสุวรรณกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน KCC กล่าวว่า KCC มีปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่โดดเด่น มีจุดแข็งในความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของผู้บริหารที่คร่ำหวอดในธุรกิจ AMC กว่า 20 ปี โดยเฉพาะมีความถนัดในการบริหารหนี้สินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ใช้บุคลากรในการบริหารจัดการไม่มาก จึงมีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำและในอนาคตมีโอกาสที่การลงทุนในเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้จะเติบโตจากเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้

ประกอบกับผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับ 89-90% มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E Ratio) ณ สิ้นปี 2564 ในระดับต่ำเพียง 0.63 เท่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ครั้งนี้จะสนับสนุนให้ KCC มีศักยภาพในการประมูลหนี้ NPLs เพิ่มขึ้นและหนุนให้พอร์ตหนี้ NPLs เติบโตขึ้นจากสิ้นปี 64 บริษัทฯ มีพอร์ตหนี้ NPLs ที่ 565.57 ล้านบาท

“มองว่า KCC จะเป็นอีกหุ้นในใจสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาบริษัทที่มีจุดแข็งและพร้อมเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต ตามปริมาณหนี้ NPLs ในระบบที่สถาบันการเงินจะนำออกมาประมูลที่จะมีเพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 ปีนับจากนี้”

นายวัชรินทร์ กล่าว

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KCC กล่าวว่า บริษัทสามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยหลังจากนี้จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนประมาณ 592 ล้านบาท ไปลงทุนในการจัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายเพิ่มขึ้นจากพอร์ต ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่มีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายรวมประมาณ 587.33 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และ/หรือชำระหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดที่ออกโดยบริษัทฯ และ/หรือภาระหนี้สินอื่นใดของบริษัทฯ เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตมั่นคงยั่งยืนในอนาคต

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 65 คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากปี 64 ที่มีรายได้จากการดำเนินงาน 125.75 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 52.42 ล้านบาท และหากดูผลงานในอดีตของบริษัทก็จะพบว่าเติบโตต่อเนื่องทุกๆ ปี โดยปี 62 มีรายได้จากการดำเนินงาน 57.10 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 12.03 ล้านบาท ปี 63 มีรายได้ 128.10 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 49.06 ล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top