กทม.เตรียมปรับแก้ค่ามาตรฐานฝุ่น PM 2.5 เพิ่มระดับป้องกันผลกระทบสุขภาพ

นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม. โดยสำนักสิ่งแวดล้อม ได้ติดตามสถานการณ์และเตรียมพร้อมมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี 2565 ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนมาตรการควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ยานพาหนะ การก่อสร้าง สถานประกอบการ การเผาในที่โล่ง รวมถึงการดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชน การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการลดมลพิษทางอากาศ เช่น การตรวจสอบและบำรุงรักษารถยนต์ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน ไม่ปล่อยมลพิษเกินมาตรฐานกำหนด เพื่อช่วยกันลดการเกิดฝุ่นละออง PM2.5 และลดผลกระทบต่อสุขภาพ

สำหรับมาตรการปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศทั่วไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพื้นที่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เป็นมาตรการหนึ่งตามแผนปฏิบัติการโดยกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งต้องกำหนดค่ามาตรฐานเฉลี่ยราย 24 ชั่วโมง และค่ามาตรฐานเฉลี่ยรายปี ให้สอดคล้องกับเป้าหมายองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยปรับปรุงค่ามาตรฐานราย 24 ชั่วโมง จากเดิมไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เป็นไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าเฉลี่ยในเวลา 1 ปี จากเดิมไม่เกิน 25 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เป็นไม่เกิน 15 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ กทม. ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการกำหนดค่ามาตรฐานฝุ่น PM 2.5 ที่ปรับปรุงใหม่ โดยการปรับปรุงพัฒนาแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ จากคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ และยกระดับมาตรการตามเกณฑ์มาตรฐานใหม่ รวมทั้งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดแผนระยะยาวในการป้องกันและลดมลพิษที่แหล่งกำเนิด เช่น การนำน้ำมันเชื้อเพลิงกำมะถันไม่เกิน 10 ppm มาใช้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก่อนกฎหมายบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2567 และการบังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษจากรถยนต์ใหม่ EURO 6 ภายในปี 2565 เป็นต้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และรองรับมาตรฐานใหม่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top