ORI เผย Q1/65 ยอดขายโตหนุน backlog เพิ่มช่วยดันยอดโอน,Q2/65 โรงแรมใหม่หนุน

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 (ม.ค.-มี.ค. 65) บริษัทมีรายได้รวม 3.77 พันล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ของคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กิจการร่วมค้า (Non-JV) กว่า 3.04 พันล้านบาท และรายได้อื่นๆ เช่น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจบริการ รายได้พิเศษจากกิจการร่วมทุน รวมถึงรายได้จากการบริหารโครงการร่วมทุนที่มีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง

อนึ่ง ORI แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ 737.94 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.3008 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 825.07 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.3364 บาท

สำหรับโครงการที่มีส่วนสำคัญต่อการสร้างยอดโอนในไตรมาส 1/65 ประกอบด้วย โครงการที่เริ่มโอนเป็นครั้งแรกอย่าง คอนโดมิเนียม ดิ ออริจิ้น ราม 209 อินเตอร์เชนจ์ (The Origin Ram 209 Interchange) ส่วนโครงการที่ทยอยโอนอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น พาร์ค ออริจิ้น พญาไท (Park Origin Phayathai) นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง (Notting Hill Rayong) ในโครงการออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง

ขณะเดียวกัน ยอดขายในไตรมาส 1/65 ซึ่งอยู่ที่ 8.14 พันล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 64 ราว 6% และเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าถึง 11% มีส่วนสำคัญในการผลักดันยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการพร้อมอยู่ด้วย

นายพีระพงศ์ กล่าวว่า กลุ่มทุนทั้งไทยและต่างชาติยังคงให้ความสนใจพัฒนาโครงการร่วมทุน (Joint Venture Project) กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/65 มีเพิ่มขึ้นถึง 5 โครงการ

โดยมีจำนวน 4 โครงการที่บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด เข้าร่วมทุน ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ โซ ออริจิ้น พหลโยธิน 69 และ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์ รวมทั้งบ้านจัดสรร 2 โครงการ คือ บริทาเนีย ทาวน์ บางนา กม.17 และบริทาเนีย โฮม บางนา กม.17

และ อีก 1 โครงการ ที่เป็นการร่วมทุนที่ได้พันธมิตรใหม่ (Partner) อย่าง บริษัท โลฟิส (ไทยแลนด์) จำกัด คือ แกรนด์บริทาเนีย คูคต สเตชั่น ซึ่งนับเป็นก้าวแรกของบริทาเนียในการร่วมทุนพัฒนาโครงการกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำ

สำหรับไตรมาส 2/65 คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor) มูลค่าโครงการกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์เป็นครั้งแรก โดยปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) แล้วกว่า 70% ซึ่งน่าจะมีส่วนสำคัญต่อยอดโอนกรรมสิทธิ์และรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 ขณะเดียวกัน ภาพรวมแบ็คล็อกของบริษัทในปัจจุบัน ทั้งกลุ่มโครงการ JV และ Non-JV มีมูลค่ารวมกว่า 3.58 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมีส่วนสำคัญให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันฝั่งธุรกิจอื่นๆ ภายใต้แผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล (Origin Multiverse) ยังคงเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ยังคงมองเห็นสัญญาณที่ดีในการเติบโต โดยไตรมาส 1/65 โรงแรม 2 แห่งแรก คือ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ (Staybridge Suites Bangkok Thonglor) และฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง (Holiday Inn & Suites Siracha Laemchabang) มีอัตราการเข้าพักกว่า 83% และ 58% ตามลำดับ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ขณะที่ไตรมาส 2/65 จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโรงแรมไอบิส (ibis) จำนวน 3 แห่งที่เพิ่งดำเนินการซื้อกิจการเสร็จสิ้น และน่าจะได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากการผ่อนคลายมาตรการด้านการท่องเที่ยวและเปิดรับชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น จากปัจจัยทั้งหมดจึงคาดว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.75 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 1/65 ทริส เรทติ้ง ได้ปรับอันดับเครดิตของ ORI จากระดับ BBB แนวโน้ม Positive สู่ระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable เนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และสามารถก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างต่อเนื่อง ชิงส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในธุรกิจคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีสินค้าครอบคลุมหลากหลายระดับราคาไปจนถึงราคา 50 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนลดลงจนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1 เท่าและยังสามารถสร้างรายได้และยอดขายได้อย่างเติบโต แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ในปี 64 ที่ผ่านมา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top