YLG แนะชะลอซื้อทองคำรอราคาย่อ-หาจังหวะเข้าเก็งกำไรระยะสั้น

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงของราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมาจนมีจังหวะหลุดระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นไปตามทิศทางของราคาสินทรัพย์หลายประเภทที่ร่วงลงท่ามกลางการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ แม้ว่าทองคำจะทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ในช่วงที่ราคาสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้น และคริปโทฯ ปรับลดลง ส่งผลให้นักลงทุนถูกเรียกวางเงินหลักประกันเพิ่ม จึงผลส่งให้นักลงทุนต้องขายทองคำเพื่อนำเงินไปวางเงินหลักประกันเพิ่มในสินทรัพย์เสี่ยง

ดังนั้น ในระยะสั้นราคาทองคำจึงมีโอกาสปรับตัวลดลงได้อีกตามทิศทางของสินทรัพย์เสี่ยงที่ยังมีโอกาสลดลงต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนยังมีความกังวลในหลายด้าน ทั้งตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังน่าเป็นห่วง รวมถึงสถานการณ์ในยูเครนและรัสเซียที่ยังต้องจับตามอง โดยเฉพาะหากฟินแลนด์เข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO นอกจากนี้ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะเดินหน้า “คุมเข้ม” นโยบายการเงิน จนกว่าจะเป็นที่แน่ชัดว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวลดลง เป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาทองคำไว้

ทั้งนี้ วายแอลจี แนะนำนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อทองคำในช่วงนี้ อย่างไรก็ดีสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้การปรับตัวลดลงของราคาทองคำในช่วงนี้ถือเป็นโอกาสสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวทองคำที่แนวรับสำคัญบริเวณ 1,778 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวต้าน 1,851 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 29,150 – 30,350 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งในระยะต่อไปยังต้องจับตาว่าจะมีปัจจัยบวกหรือปัจจัยลบเข้ามากระทบต่อทองคำและจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด

อย่างไรก็ดี แม้ว่าทองคำจะเริ่มปรับตัวลดลงหรือจะมีโอกาสปรับขึ้นไปอีกครั้ง วายแอลจียังคงคำแนะนำนักลงทุนแบ่งสัดส่วนการลงทุน โดยการมีทองคำในพอร์ต 5-15% เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง แต่ในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงนักลงทุนสามารถใช้โอกาสนี้ในการสะสมทองได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง การลงทุนในรูปแบบของการออมทอง ซึ่งสามารถเริ่มออมได้เพียงเงินลงทุน 100 บาท ด้วยขั้นตอนที่สะดวกผ่านสมาร์ตโฟนหรือดีไวซ์ต่างๆ โดยผู้ออมที่สะสมทองคำไปจนครบจำนวน 1 กรัมขึ้นไป สามารถเลือกได้ว่าจะไถ่ถอนนำทองคำกลับไป หรือถอนเป็นเงินสด หรือ จะออมต่อเนื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ค. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top