สศก. จับมือสมาชิกเอเปค 21 เขตเศรษฐกิจพัฒนาภาคเกษตรสร้างความมั่นคงในภูมิภาค

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ภายใต้กรอบเอเปค ซึ่ง สศก. เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 23-24 พ.ค. 65

การประชุมดังกล่าว เป็นการดำเนินงานตาม “แผนปฏิบัติการสำหรับกรอบยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาชนบทและเขตเมือง” ของคณะทำงานหุ้นส่วน เชิงนโยบายด้านความมั่นคงอาหาร โดยมีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย สมาชิกเอเปค 21 เขตเศรษฐกิจ ผู้แทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยุวเกษตรกร องค์การระหว่างประเทศต่างๆ อาทิ มูลนิธิชัยพัฒนา โครงการระบบสารสนเทศเพื่อความมั่นคงทางอาหารแห่งภาคพื้นอาเซียน (ASEAN Food Security Information System: AFSIS) ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) องค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve: APTERR) บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) และบมจ.ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY)

นายฉันทานนท์ กล่าวว่า การจัดประชุมครั้งนี้ นับเป็นโอกาสของประเทศไทย ที่ได้เผยแพร่ผลสำเร็จของการดำเนินงานด้านการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง ที่เน้นความพอประมาณ การมีเหตุมีผล และมีภูมิคุ้มกัน ให้เป็นที่รู้จักในภูมิภาค

นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอการขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยด้วย BCG Model เพื่อปรับเปลี่ยนระบบการเกษตร ของประเทศไทยสู่ 3 สูง คือ ประสิทธิภาพสูง มาตรฐานสูง รายได้สูง ด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมผสานภูมิปัญญา ยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารเข้าสู่ระบบมาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ครอบคลุมทั้งด้านคุณภาพ โภชนาการ ความปลอดภัย และระบบการผลิตที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ มีความสอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ 20 ปี นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและผู้บริโภคให้ดีขึ้น จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมและสามารถพึ่งพาตนเองได้ ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ด้าน นายวินิต อธิสุข รองเลขาธิการ สศก. ในฐานะประธานการประชุม กล่าวว่า ประเทศไทยได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในบริบทต่างๆ 4 ด้านหลักสำคัญ ประกอบด้วย

1. ด้านการดำเนินการตามตัวชี้วัดของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตัวชี้วัดที่ 2.4.1 ภายใต้โครงการความร่วมมือของ ไทย-องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ฉบับปี 60-64 ด้านการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการสำหรับการวัดและการติดตามความก้าวหน้าในการเลือกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และโครงการสนับสนุนและส่งเสริมการสำรวจการเกษตรแบบยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน (SAS-PSA)

2. ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและภัยพิบัติ ได้แก่ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตร เพื่อเพิ่มการฟื้นตัวความยั่งยืนในพื้นที่สูง และการส่งเสริมบทบาทของกลไกสำรองข้าว เพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหารที่เกิดจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อสินค้าข้าว

3. ด้านการเสริมสร้างความมั่นคงอาหารในเขตเมืองและเขตชนบท โดยไทยนำเสนอการพัฒนาแพลตฟอร์ม (Platform) ทางด้านเกษตรดิจิทัลภายใต้ระบบเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพและปริมาณผลผลิต ลดต้นทุน ลดความสูญเสียของผลผลิตเป็นการยกระดับมาตรฐาน เพื่อเพิ่มมูลค่าโดยใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ามาพัฒนาการเกษตรตั้งแต่ระดับฟาร์มไปถึงผู้บริโภค

ขณะที่จีนได้ร่วมนำเสนอนโยบายเกษตรกรรมยั่งยืนในพื้นที่ชนบท ได้แก่ การปรับโครงสร้างกลไกองค์กรเกษตรเพื่อให้เกิดมาตรฐาน การสนับสนุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และส่งเสริมการบูรณาการห่วงโซ่อุตสาหกรรม และช่วยเกษตรกรสร้างรายได้จากเกษตรกรรมยั่งยืน

4. ด้านการขับเคลื่อนเทคโนโลยีดิจิทัลไปสู่การเกษตรที่ยั่งยืน ซึ่งประเทศสมาชิกประกอบด้วย เกาหลีใต้ จีน ไทเป สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และไทย ได้นำเสนอการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม ในการส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืนทั้งในภาคการผลิตและการบริโภค เช่น เกษตรกรรมแม่นยำ การเกษตรแนวตั้ง อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง โดรน ปัญญาประดิษฐ์ ข้อมูลขนาดใหญ่ แพลตฟอร์มด้านดิจิทัล เพื่อเพิ่มผลิตภาพ ลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกร ตลอดจนลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารร่วมกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top