คกก.โรคติดต่อให้ “ฝีดาษลิง” เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง-ยกเลิกเขตติดต่อโควิดนอกปท.

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2565 โดยที่ประชุมวันนี้มีการพิจารณาและเห็นชอบ 2 เรื่อง คือ

– ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง (ฉบับที่ …) พ.ศ. … โดยเพิ่มชื่อโรคฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังลำดับที่ 56 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ตามความเห็นชอบของคณะกรรมการด้านวิชาการที่ประชุมหารือเรื่องนี้เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ โรคฝีดาษวานรยังแพร่ระบาดในต่างประเทศ ประเทศไทยมีการเฝ้าระวัง ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในประเทศไทย โดยกรมควบคุมโรคได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (EOC) กรณีโรคฝีดาษวานร และเตรียมความพร้อมเสริมมาตรการคุมเข้ม ทั้งที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่สนามบินนานาชาติ และสั่งการโรงพยาบาลในสังกัดรัฐและเอกชน เตรียมพร้อมเฝ้าระวัง สังเกตอาการกลุ่มเสี่ยง และส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อฝีดาษลิง

– ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ …) พ.ศ. … เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลกอยู่ในแนวโน้มลดลง สายพันธุโอมิครอนมีความรุนแรงลดลง และทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมาก ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่มีการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น โดยคนไทยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนระบบ Thailand Pass เพียงแสดงข้อมูลการฉีดวัคซีนและผลตรวจ professional-ATK หรือ RT-PCR ก็พบว่าผู้เดินทางเข้าประเทศวันละหลายหมื่นคน มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อยมาก หรือบางวันไม่พบผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเลย ถือว่ามีความปลอดภัย จึงนำมาสู่การเห็นชอบประกาศยกเลิกเขตโรคติดต่ออันตรายนอกราชอาณาจักร

“ประเทศไทยเองสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเปิดภาคเรียน 3 สัปดาห์ และวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมามีการผ่อนคลายมาตรการให้เปิดสถานบันเทิงในพื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 31 จังหวัด โดยต้องผ่านมาตรฐาน Thai Stop Covid 2 plus และได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. จนถึงวันนี้ยังไม่พบสถานการณ์การระบาดมากขึ้น

กระทรวงสาธารณสุข ยังคงเน้นให้ทุกจังหวัดเตรียมพร้อมเข้าสู่ระยะ Postpandemic สำหรับการกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติของประชาชน โดยดำเนินการตามมาตรการ “2U” คือ Universal Prevention และ Universal Vaccination โดยให้กลุ่มเสี่ยง 608 คือผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี และโรคเรื้อรังรับวัคซีนเข็มกระตุ้นมากกว่า 60% และมาตรการ 3 พอ คือ เตียงพอ หมอพอ และยาเวชภัณฑ์พอ”

นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในสถานบริการ ผับ บาร์ หรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคทั่วราชอาณาจักร โดยกำหนดให้เปิดบริการ จำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 24.00 น. งดบริการเครื่องดื่มที่ใช้แก้วร่วมกัน งดกิจกรรมส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการให้บริการที่มีการคลุกคลีและสัมผัสใกล้ชิดกับลูกค้าจะต้องสวมหน้ากาก

โดยมาตรการสำหรับผู้ให้บริการ พนักงาน นักร้อง นักดนตรี ต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามเกณฑ์ ตรวจคัดกรองความเสี่ยงทุกวัน ตรวจ ATKทุก 7 วัน และเมื่อมีอาการหรือความเสี่ยง ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention (UP) ส่วนลูกค้าต้องแสดงหลักฐานรับวัคซีนเข็มกระตุ้นครบตามเกณฑ์ ปฏิบัติตามมาตรการ UP เช่นกัน และกลุ่มเสี่ยง 608 ยังแนะนำให้งดหรือเลี่ยงการเข้ารับบริการ

สำหรับสถานประกอบการ ต้องขออนุญาตคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ประเมินตนเองผ่าน Thai Stop COVID 2 Plus ซึ่งทั่วประเทศสถานบันเทิงที่ลงทะเบียน 760 แห่ง จากทั้งหมด 2,890 แห่ง ผ่านการประเมิน 100% เช่นเดียวกับสถานบันเทิงในพื้นที่เฝ้าระวังและนำร่องท่องเที่ยวที่มีการลงทะเบียน 688 แห่ง จากทั้งหมด 2,135 แห่ง ผ่านการประเมิน 100% เช่นกัน

นอกจากนี้ ยังต้องทำตามมาตรการ COVID Free Setting จัดพื้นที่บริการมีระยะห่างระหว่างโต๊ะอย่างน้อย 1 เมตร มีการระบายอากาศที่เพียงพอ กรณีเป็นอาคารปิดและใช้เครื่องปรับอากาศควรเปิดพัดลมระบายอากาศตลอดเวลา อาจติดตั้งเครื่องฟอกอากาศตามความเหมาะสม และจัดให้มีการตรวจสอบผู้รับบริการว่ารับวัคซีนครบถ้วน

ขณะที่ฝ่ายปกครองท้องถิ่น และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. มีการติดตามกำกับอย่างใกล้ชิด โดยจัดตั้งทีมตรวจประเมิน ให้คำแนะนำ ตักเตือนสถานบริการที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคและมาตรการทางกฎหมาย รวมถึงสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ประสานข้อมูลทะเบียนรายชื่อสถานบริการ สถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด กับปกครองจังหวัดและ อปท.พื้นที่ จัดทำแผนสุ่มเฝ้าระวังสถานบริการในพื้นที่ทุกสัปดาห์ และรายงานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. และกระทรวงสาธารณสุข

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มิ.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top