พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติซักฟอกนายกฯพร้อม 10 รมต.หวังอภิปราย 18-20 ก.ค.

พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 11 คน โดยรัฐมนตรีที่จะถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประกอบด้วย

  • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
  • พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ
  • พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
  • นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
  • นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข
  • นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม
  • นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์
  • นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
  • นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย
  • นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะใช้ยุทธการที่กำหนดไว้ในการอภิปรายครั้งนี้คือ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” โดยจะเป็นการอภิปรายรายบุคคล พุ่งเป้าไปที่หัว คือ พล.อ.ประยุทธ์ จนถึงนั่งร้าน คือ คณะรัฐมนตรี (ครม.)

ทั้งนี้ ช่วงวันอภิปรายที่เหมาะสมควรเป็นช่วง 18-20 ก.ค.นี้ แต่เนื่องจากการอภิปรายครั้งนี้มีจำนวนรัฐมนตรีถึง 11 คน จึงกำหนดเบื้องต้นว่าจะขอเวลาอภิปรายเป็นเวลา 5 วัน

ส่วนเป้าหมายในการอภิปรายในครั้งนี้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วัตถุประสงค์แรกจะอาศัยเสียงส.ส.ในสภาฯ เพื่อล้มรัฐบาล และอีกวัตถุประสงค์ คือ เราคาดหวังในสนามเลือกตั้ง และหวังให้การอภิปรายครั้งนี้ให้ประชาชนเป็นผู้วินิจฉัย

*พล.อ.ประยุทธ์
1) ความผิดพลาดบกพร่องล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประเทศ ไม่สามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนได้ กลายเป็นต้นตอที่ทำให้ปัญหาที่มีอยู่มีความซับซ้อน ขยายวงกว้างและรุนแรงยิ่งขึ้นทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ การเมือง อาชญากรรม ยาเสพติด การทุจริตคอรัปชั่น ขาดภาวะความเป็นผู้นำ
2) จงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และกระทำผิดต่อกฎหมาย ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม
3) เพิกเฉยต่อการทุจริต ส่อทุจริต เอื้อประโยชน์ การใช้จ่ายงบประมาณมิได้คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง มุ่งแต่ก่อหนี้เพื่อแสวงหาคะแนนนิยมทางการเมือง
4) นายกฯ ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา
5) นายกฯ ปล่อยปละละเลยให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
6) นายกฯ ปล่อยปละละเลยทำลายระบอบประชาธิปไตย และระบบรัฐสภา
“ตัวท่านนายกฯเอง มีลักษณะภาวะผู้นำที่เราใช้ในญัตติว่า พิการทางสมอง ซึ่งเป็นถ้อยคำค่อนข้างรุนแรงพอสมควรที่จะกล่าวหานายกฯ”นพ.ชลน่าน กล่าว

*พล.อ.ประวิตร
ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ จงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มุ่งสร้างความมั่งคั่งในตำแหน่งหน้าที่ รู้เห็นเป็นใจหรือปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แต่กลับทำตนเป็นแบบอย่างของการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เมื่อพบเห็นการทุจริตกลับปกป้องและไม่ดำเนินการแก้ไข

*พล.อ.อนุพงษ์
ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดธรรมาภิบาล บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตของหน่วยงานในกำกับดูแลอย่างกว้างขวาง

*นายชัยวุฒิ
ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว บกพร่องอย่างร้ายแรง ปล่อยปละละเลยให้เกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ทำลายระบบเศรษฐกิจและสร้างความเสียหายต่อประชาชนอย่างกว้างขวางแพร่หลาย และมีความประพฤติเสื่อมเสียทางศีลธรรมอันดี ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

*นายสันติ
ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์ในหน่วยงานที่กำกับดูแล เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ไม่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ปล่อยปละละเลยให้เกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ทำลายระบบเศรษฐกิจและสร้างความเสียหายต่อประชาชนอย่างกว้างขวางแพร่หลาย และเพิ่มจำนวนมากขึ้นโดยไม่สนใจ และขาดความรู้ความสามารถที่จะป้องกันและปราบปราม

*นายอนุทิน
ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ ล้มเหลวผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการของกระทรวงสาธารณสุข มีการใช้งบประมาณแผ่นดินเกินความจำเป็นและไม่เกิดประโยชน์ เกิดความเสียหายแก่งบประมาณของประเทศ มุ่งเอื้อประโยชน์ให้เพื่อนพ้องบริวาร แสวงหาประโยชน์จากตำแหน่งและหน้าที่ของตน ดึง ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นเข้าสังกัดกลุ่มการเมืองของตนโดยไม่คำนึงถึงหลักการประชาธิปไตยและคุณธรรมทางการเมือง

*นายศักดิ์สยาม
ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ ใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ดำเนินนโยบายโดยไม่คำนึงถึงความคุ้มค่าในด้านการใช้จ่ายงบประมาณ มีการใช้งบประมาณจำนวนมากโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและประโยชน์สาธารณะ ใช้สถานะหรือตำแหน่งก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในกระทรวงคมนาคมเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง และพรรคการเมืองที่สังกัด ไม่ดูแลให้เกิดการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม

*นายจุรินทร์
ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต รวมถึงล้มเหลวและไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงในกำกับดูแล ปล่อยให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้นจนกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

*นายจุติ
ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ล้มเหลว ไร้ความรู้ ความสามารถในการดูแลงานด้านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปล่อยให้ประชาชนขาดไร้ซึ่งที่อยู่อาศัย และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ

*นายนิพนธ์
ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ ไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ปล่อยปละละเลย รู้เห็น สนับสนุนให้มีการทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์ภายในหน่วยงานในกำกับดูแล ไม่ดำเนินการตรวจสอบ ระงับ ยับยั้ง และป้องกันการทุจริตจนทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง

*นายสุชาติ
ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ส่อไปทางทุจริตและประพฤติมิชอบต่อหน้าที่ กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ปล่อยปะละเลยให้มีการแสวงหาผลประโยชน์จากการนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ เอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใหญ่ในการใช้ประโยชน์จากแรงงานโดยผิดกฎหมาย

“ผลจากการบริหารราชการแผ่นดินและพฤติกรรมต่างๆ ของพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีรวม 11 คน ข้างต้น ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ประเทศชาติประสพความตกต่ำอย่างถึงที่สุดในทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ประชาชนสูญเสียโอกาสที่จะได้คุณภาพชีวิตและหลักประกันการดำรงชีพที่ดี เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เกิดภาวะ “รวยกระจุก จนกระจาย” และ “ค่าครองชีพสูง คุณภาพชีวิตต่ำ” หากปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีดังกล่าวยังคงบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ย่อมนำมาซึ่งความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนจนยากที่จะเยียวยาแก้ไขได้”

ญัตติฝ่ายค้าน ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มิ.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top