ดาวโจนส์ปิดบวก 69.86 จุด นลท.ซึมซับรายงานประชุมเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนปรับตัวรับรายงานการประชุมเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งบ่งชี้ว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,037.68 จุด เพิ่มขึ้น 69.86 จุด หรือ +0.23%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,845.08 จุด เพิ่มขึ้น 13.69 จุด หรือ +0.36% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,361.85 จุด เพิ่มขึ้น 39.61 จุด หรือ +0.35%

คณะกรรมการเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 14-15 มิ.ย.เมื่อวานนี้ โดยใจความตอนหนึ่งระบุว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือในการควบคุมเงินเฟ้อ โดยกรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม โดยมีแนวโน้มว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% หรือ 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค.

ซาคารี กริฟฟิธส์ นักวิเคราะห์จากธนาคารเวลส์ ฟาร์โกกล่าวว่า รายงานการประชุมเฟดสะท้อนให้เห็นว่า กรรมการเฟดเล็งเห็นถึงผลกระทบของเงินเฟ้อ และพยายามที่จะสื่อสารกับตลาดให้ชัดเจนว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินต่อไปหากเงินเฟ้อยังคงพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจจะทำให้เศรษฐกิจถดถอยลงเล็กน้อยก็ตาม

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้นกว่า 1% โดยหุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ดีดขึ้น 1.17% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 1.47% หุ้นพอร์ทแลนด์ เจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 2.28%

ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.88% โดยหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 1.74% หุ้นอะโดบี พุ่งขึ้น 1.68% หุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวขึ้น 1.16% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.28%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อหุ้น Defensive Stocks หรือหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี เช่นหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ โดยหุ้นเมอร์ค แอนด์ โค บวก 0.53% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ บวก 0.34%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 สัปดาห์ โดยหุ้นไดมอนแบค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 3.38% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.82% หุ้นเชฟรอน ปรับตัวลง 1.31%

นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve อีกครั้งเมื่อคืนนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 250,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าระดับ 390,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 3.6%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top