ครม.เคาะใช้เงินกู้โควิดเกือบ 2 พันลบ.พัฒนา-เสริมสร้างความเข้มแข็งศก.ฐานราก

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 โดยได้อนุมัติโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2565 ครั้งที่ 3 รวม 29 จังหวัด จำนวน 1,138 โครงการ กรอบวงเงินรวม 1,973 ล้านบาท โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจ กลุ่มอาชีพ นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ว่างงาน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ได้รับประโยชน์ ประกอบด้วย กลุ่มประชาชน 1,510,685 คน, เกษตรกร 478,926 คน, กลุ่มผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 9,789 ราย และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนไม่น้อยกว่า 2 กลุ่ม, กลุ่มด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างและปรับปรุงถนน 406 เส้น และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำ ฝาย ท่อระบายน้ำ ผนังป้องกันตลิ่ง ไม่น้อยกว่า 791 แห่ง

ครม. ยังมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการพัฒนาและส่งเสริมความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก จำนวน 29 จังหวัด เป็นหน่วยรับผิดชอบโครงการและดำเนินการจัดทำแผนความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน เพื่อให้ สบน.สามารถจัดหาเงินกู้เพื่อใช้จ่ายโครงการตามแผนการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินการข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้

1) กรณีโครงการก่อสร้าง ปรับปรุง หรือซ่อมแซมถนนหรือผิวทาง ให้หน่วยงานดำเนินการตรวจสอบ กำกับ ดูแลและควบคุมคุณภาพในการก่อสร้างหรือปรับปรุง รวมทั้งการวางแผนก่อสร้างควรพิจารณารายละเอียดการก่อสร้างให้มีความรอบคอบ

2) กรณีโครงการเกี่ยวกับการขุดลอกหรือพัฒนาแหล่งน้ำและพัฒนาระบบน้ำบาดาล ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการวางแผนการดำเนินงานอย่ารอบคอบ ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลา

3) กรณีโครงการเกี่ยวกับการผลิตน้ำประปา ให้หน่วยรับงบประมาณและหน่วยดำเนินการ ให้ความสำคัญกับการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างให้ถูกต้องตามกฎหมาย การดำเนินโครงการ และการบำรุงรักษาภายหลังโครงการแล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตามวัตถุระสงค์ตลอดอายุการใช้งาน และดูและไม่ให้มีโครงการที่ซ้ำซ้อนกับบริการของการกรประปาส่วนภูมิภาค

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ครม.ยังได้อนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขยายเวลาโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานหอผู้ป่วยและห้องผ่าตัด รองรับและบรรเทาภัยจากโรคติดเชื้อโควิด-19 จากเดิมสิ้นสุดโครงการเดือน พ.ค.65 เป็นเดือน ส.ค.65 และปรับลดกรอบวงเงินโครงการจากเดิม 31.90 ล้านบาท เป็น 28.45 ล้านบาท

พร้อมทั้งอนุมัติให้กรมทรัพยากรน้ำ ขยายเวลาโครงการปรับปรุง พัฒนาแหล่งน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตร จากสิ้นสุดโครงการเดือน พ.ค.65 เป็นเดือน พ.ย.65 รวมทั้งขยายเวลาโครงการปรับโครงสร้างการผลิต การรวบรวม และการแปรรูปของสถาบันเกษตรกร รองรับผลผลิตทางการเกษตร ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ จากสิ้นสุดโครงการเดือน ก.ย.64 เป็นเดือน ก.ย.65

นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ โดยเปลี่ยนแปลงการจัดหาครุภัณฑ์สำหรับสกัดสมุนไพรของโครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากระดับจงหวัดด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม สกลนคร จากการใช้กระบวนการสกัดน้ำมันจากสมุนไพร เป็นการทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง ทั้งนี้ ตามที่ รมว.การอุดมศึกษาฯ ได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ค. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top