RT มั่นใจทั้งปีกำไรแม้ Q1/65 ขาดทุน คาด H2/65 ฟื้นจ่อรับแรงงานต่างด้าวเพิ่ม

นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง (RT) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจผลประกอบการปี 65 จะสามารถมีกำไรได้อย่างแน่นอน แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1/65 ที่ผ่านมาจะมีผลขาดทุนราว 25.32 ล้านบาท โดยบริษัทมองว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เนื่องจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยกดดันให้โครงการต่างๆ มีความล่าช้าออกไป

แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว และบริษัทได้เตรียมรับแรงงานต่างชาติเข้ามาเพื่มเติมอีก 300 คน และมุ่งเน้นการบริหารจัดการแรงงานก่อสร้างทั้งไทยและต่างชาติ ทั้งด้านขั้นตอนการดำเนินงานในไซต์ก่อสร้าง ด้านปริมาณและการขนย้ายแรงงานเพื่อรองรับงานโครงการก่อสร้างใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะเป็นส่วนช่วยหนุนให้โครงการต่างๆกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ

ทั้งนี้ บริษัทยังคงมั่นใจรายได้ปี 65 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 3,000 ล้านบาท หลังจากมีงานในมือ (Backlog) กว่า 7,774 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ใน 2-3 ปี ประกอบด้วย งานก่อสร้างอุโมงค์ โครงสร้างใต้ดิน งานก่อสร้างเขื่อน ระบบชลประทาน งานก่อสร้างท่อลอดใต้ดินวิธีดันท่อ วิธีเจาะและดึงท่อ รวมไปถึงงานก่อสร้างถนน งานเจาะสำรวจธรณีวิทยา และงาน Slope Protection เป็นต้น

บริษัทยังเตรียมเข้าประมูลงานใหม่อีกกว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐและงานก่อสร้างที่ต่อยอดจากการเป็นผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) รวมถึงโครงการก่อสร้างภาคเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้ารับงานของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นโครงการที่มีมาร์จิ้นสูงที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบริษัทที่มีประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ

สำหรับสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนด้านราคาเหล็กและราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้นบ้างแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจอย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยบริษัทยังคงมั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 12-15% ได้

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้ารับงานประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/65 และจะเริ่มรับรู้รายได้จากงานดังกล่าวในปี 66 พร้อมทั้งมองหาโอกาสการเข้ารับงานเพิ่มเติมในกัมพูชาและเมียนมาด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top