ก้าวไกล เปิดแคมเปญ 7 มิติสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า หวังกวาด ส.ส.เขต 100 คน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (กก.) กล่าวว่า เปิดแคมเปญ “ก้าวไกล NEXT” เพื่อรับการเลือกตั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึง ถ้าให้ความหมายตรงๆ ก็คือการปฏิรูปพรรค โดยเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม แต่ถ้าใช้หัวใจตอบก็ต้องบอกว่า นี่คือการตามหาอนาคตใหม่ให้กับพรรคฯ ซึ่งในความหมายนี้มี 2 มิติ ได้แก่ 1.มิติสู่อนาคต คือ ปัญหาต่างๆ ที่ประเทศไทยเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น โควิด ภูมิรัฐศาสตร์ โลกร้อน น้ำท่วม ไฟป่า รวมถึงของแพงค่าแรงถูกที่หนักสุดในรอบ 20 ปีนี้ สิ่งที่เราเป็นอยู่อาจยังไม่เพียงพอ ดังนั้นต้องทำงานให้หนักขึ้นกว่าเดิม เป็นนักรบอยู่ห้องแอร์อย่างเดียวคิดกันเองไม่ได้ ต้องไปฟังความคิดเห็นประชาชนด้วย 2.มิติสู่อดีต ในที่นี้คือการตามหาสปิริตของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งสิ่งที่เราเคยเริ่มต้นไว้นั้นก็คือการทำพรรคการเมืองให้เป็นพรรคมวลชน เป็นพรรคของประชาชน มีฐานการเมืองที่เข้มแข็ง ไม่ได้เป็นพรรคใครคนใดคนหนึ่ง วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะกลับไปตามหาสปิริตนั้น ทำให้ กก.กลับมาคึกคัก เตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง

ในส่วนของการปฏิรูปพรรค เมื่อดูแล้วเรากำหนดคร่าวๆ 7 มิติ เพื่อให้ประชาชนได้มาร่วมกันแสดงความเห็น คือ 1.ผู้แทนที่คุณอยากเห็น 2.การสื่อสารของพรรค 3.การนำเสนอนโยบาย 4.งานในสภาและกรรมาธิการ 5.การทำงานพื้นที่ 6.งานสมาชิกและอาสาสมัคร และ 7.การระดมทุน โดยทั้งหมดนี้จะเปิดกว้างให้ประชาชนได้เข้าร่วมใน 2 รูปแบบ คือ 1.การจัดทำกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นในลักษณะของทาวน์ ฮอลล์ โดยผมและแกนนำพรรคก้าวไกลจะเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อพบปะประชาชน และ 2. ร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์ https://next.moveforwardparty.org

“กิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ มีวงคุยแรกนี้กับสื่อมวลชน จากนั้นจะตระเวนไปทุกภูมิภาค ก่อนที่จะมีเวทีใหญ่วันที่ 28 ส.ค.65 และทั้งหมดที่เราระดมความเห็นนี้ ก็จะนำมาสู่การเปิดแคมเปญใหญ่ในวันที่ 9 เดือน 9 ซึ่งจะเป็นก้าวต่อไปของเราที่จะก้าวไกลกว่าเดิม จริงอยู่ว่าเราต้องการ ส.ส.เข้าสภาให้มากที่สุด แต่เราก็ต้องทำงานทางความคิดด้วย ทำให้คนชื่อว่าสังคมที่ก้าวหน้าเป็นไปได้ ยังมีความหวัง ในช่วงเวลาที่ประชาชนหมดหวังมากที่สุดตลอดหลายสิบปีมานี้” นายพิธา กล่าว

ด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคฯ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคมี 3 เป้าหมาย คือ 1.เพื่อเป็นรัฐบาลให้ได้ เพราะยอมรับว่าประเทศไทยภายใต้ระบอบประยุทธ์ 8 ปีที่ผ่านมาตกต่ำทุกด้าน ทางรอดทางเดียวก่อนที่จะเกินเยียวยา คือ ฝ่ายประชาธิปไตยเข้าไปพลิกขั้วระบอบประยุทธ์ นี่คือทางออกเดียว ต้องผลักดันให้เกิดฉันทามติฝ่ายประชาธิปไตยในการเลือกตั้งครั้งหน้าให้ได้ 2.เพื่อขยายจำนวน ส.ส.เขตให้มากที่สุด และมี ส.ส.เขตอยู่ในทุกภูมิภาค เพราะเราต้องการเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และ ส.ส.เขตจะเป็นฐานที่มั่นในการทำงานกับประชาชนที่แข็งแกร่งที่สุดของพรรค และ 3.เพื่อต่อยอดและรักษาความหวัง ความเชื่อมั่น ว่าประชาชนสามารถร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ก้าวหน้าได้ผ่านระบบรัฐสภา ชัยชนะหรือความล้มเหลวของพรรคก้าวไกลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นเดิมพันต่อความหวังและความเชื่อมั่นนี้ ทุกคะแนนเสียงที่เราได้รับจะเป็นทุกคะแนนเสียงที่เป็นคำตอบว่าประชาชนยังมีความหวัง และความเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้าขึ้นสามารถเกิดขึ้นได้ผ่านระบบรัฐสภาและพรรคการเมืองของประชาชน

สิ่งที่พรรคจะดำเนินการเพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายดังกล่าวมีอยู่ 3 เรื่อง คือ 1.การเตรียมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่จะเป็นตัวแทนประชาชนให้ดีที่สุด พร้อมๆ กับการสร้างรากฐานของพรรคให้เข้มแข็งหลังจากถูกทำลายสมัยที่เราเป็นพรรคอนาคตใหม่ เราเริ่มฟื้นฟูคณะกรรมการระดับจังหวัด กรรมการระดับเขต พร้อมกับการสรรหาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กว่า 400 เขตและทดลองทำงานร่วมกันแล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้มั่นใจว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจะดีขึ้นกว่าอนาคตใหม่อย่างมาก โดยเป็นหน้าใหม่เกือบทั้งหมด ทุกคนเข้าใจจุดยืนและวิถีการทำงานของพรรคก้าวไกลเป็นอย่างดี

2.การทำนโยบาย ซึ่งที่ผ่านมาเรามีการตั้งศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต หรือ Think Forward Center ซึ่งมี อ.เดชรัตน์ สุขกำเนิด เป็นผู้อำนวยการ ทำงานประสานกับฝ่ายนโยบายของพรรคและคณะทำงานจังหวัดทั่วประเทศ เราจะมีนโยบายที่ตอบโจทย์ประเทศไทยทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ตอบโจทย์ทั้งระดับประเทศและระดับพื้นที่ และจะเป็นนโยบายที่ประสานนโยบายการเมือง หรือนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ควบคู่ไปกับนโยบายที่เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าและเป็นธรรมอย่างเป็นเอกภาพ

3.การปฏิรูปพรรคครั้งใหญ่ เพื่อที่จะนำไปสู่การเก็บบทเรียนความผิดพลาดและจุดแข็งหรือความสำเร็จในอดีต เพื่อให้พรรคก้าวไกลตอบสนองความต้องการประชาชนได้มากกว่า 3-4 ปีที่ผ่านมา นำไปสู่การรีเฟรซ ภาพลักษณ์ การจดจำต่อประชาชน ทำให้ตัวตนที่แข็งแรงอยู่แล้วชัดเจนมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็มีความสดใหม่เข้ากับสถานการณ์และอารมณ์พี่น้องในปัจจุบันมากขึ้น วันนี้ เราแตกต่างอย่างมากกับพรรคอนาคตใหม่ เพราะตอนนั้นเรามีกระแสสดใหม่ แต่คราวนี้เราไม่ใช่พรรคการเมืองใหม่ในสนามการเมืองไทยอีกแล้ว แต่เราเป็นพรรคการเมืองที่ได้พิสูจน์การทำงานให้ประชาชนได้เห็นแล้วว่า พรรคทำงานอย่างเป็นระบบ เป็นทีม มีประสิทธิภาพ ใช้ความรู้ ความเข้าใจ และกล้าหาญในการทำงาน อยู่เคียงข้างประชาชน และประชาชนจะให้ความไว้วางใจให้ได้บริหารประเทศในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ทั้งนี้มีรายงานว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคก้าวไกลตั้งเป้าที่จะให้ได้ ส.ส.แบบแบ่งเขต จำนวน 100 คน จากจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตทั้งหมด 400 คน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ส.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top