โบรกฯ มองรัฐเล็งขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นลบต่อกลุ่มรับเหมา-กลุ่มไฟแนนซ์รับผลดี

บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากประเด็นก.แรงงานคาดขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-8% นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่าคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) จะสามารถพิจารณาอัตราค่าจ้างได้ในเดือน ส.ค.เพราะมีการสรุปตัวเลขจาก 77 จังหวัดเสร็จแล้วเมื่อ ก.ค.65 เบื้องต้นค่าจ้างขั้นต่ำจะปรับขึ้นราว 5-8% ตามหลักการสากลที่อิงจากฐานของอัตราเงินเฟ้อในการคำนวณ ทั้งนี้ เป้าหมายจะให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.66 หรืออาจมีผลเร็วกว่าที่กำหนด 2-3 เดือน เนื่องจากลูกจ้างได้รับผลกระทบต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยหลังจากนี้ต้องนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ต่อไป

KTBST มองเป็นลบเล็กน้อยต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยอัตราการปรับขึ้นค่าแรงดังกล่าวไม่ได้สูงมากเท่าที่แรงงานมีการเรียกร้องและค่อนข้างใกล้เคียงกับที่เราคาด ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มรับเหมา เรามองว่าบริษัทที่มีสัดส่วน direct labor จำนวนมากจะได้รับผลกระทบมากสุด นำโดย RT, STEC, SEAFCO, และ PYLON

เราประเมินเบื้องต้นค่าแรงที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ +5% จะกระทบกำไรบริษัทเหล่านี้ -8 ถึง -15% ด้าน CK กระทบน้อยสุดราว -6% เนื่องจากมีสัดส่วน subcontract สูงถึง 70% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้รับเหมาเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นงานที่มีการใช้ skill เฉพาะ และมีการจ่ายค่าจ้างที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำทั่วไป ทำให้ผลกระทบอาจไม่ได้มากเท่าที่เราประเมิน นอกจากนี้ หากอิงจากข้อมูลช่วงที่มีการปรับขึ้นค่าแรงในอดีต ปัจจัยดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานกลุ่มรับเหมาอย่างมีนัย

อีกทั้งเราคาดการณ์ผลการดำเนินงานโดยรวมนับจากนี้จะได้อานิสงส์อย่างมากจาก backlog ที่กลับมาเป็นขาขึ้นและ COVID-19 ที่คลี่คลาย สำหรับกลุ่มรับเหมา เราคงน้ำหนัก “Overweight” และ Top pick ได้แก่ CK (ซื้อ/เป้า 25.60 บาท) นอกเหนือจากนั้นแล้ว

ขณะที่มองเป็นบวกเล็กน้อยต่อกลุ่ม Finance จากค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ดีขึ้น มีโอกาสเป็น NPL ที่ต่ำลง โดยเรามองบวกต่อหุ้น MTC (ถือ/เป้า 50.00 บาท), SAWAD (ซื้อ/เป้า 53.00 บาท) และ TIDLOR (ซื้อ/เป้า 38.00 บาท) จากฐานลูกค้าที่มีรายได้ไม่ประจำสูง รวมทั้งกลุ่ม AMC เช่น JMT (ซื้อ/เป้า 100.00 บาท), CHAYO (ซื้อ/เป้า 14.00 บาท) และ TH (ซื้อ/เป้า 8.00 บาท) จากลูกหนี้ unsecured loan ที่ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีค่างวดชำระที่ต่ำ ทั้งนี้หุ้นในกลุ่ม Finance คงคำแนะนำ “Overweight” จากแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 65 ที่จะเพิ่มขึ้น YoY และ HoH ตามสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และการเข้าซื้อหนี้เสียที่จะสูงขึ้นเป็นปกติตามฤดูกาล

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 65)

Tags: , , , , , , , , , ,
Back to Top