หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ บาทอ่อนค่ากดดัน-ราคาน้ำมันหลุด 90 เหรียญ

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์แม้เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามามากในช่วงที่ผ่านมา แต่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาเกือบ 2%ในช่วง 2-3 วัน ขณะเดียวกันน้ำมันลดลงหลุดระดับ 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะเข้ามากดดันกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวลดลง พร้อมให้แนวรับ 1,615 จุด และแนวต้าน 1,630-1,635 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวไซด์เวย์แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาเงินทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตามช่วง 2-3 วัน ที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่าลงเกือบ 2% ในขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะเข้ามากดดันกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวลดลง

นอกจากนี้ นักลงทุนอยู่ระหว่างรอรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 26-27 ก.ค. ในวันพุธนี้ โดยคาดว่าเฟดจะยังใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวด ส่งผลให้นักลงทุนยังมีความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจอยู่

พร้อมให้แนวรับ 1,615 จุด และแนวต้าน 1,630-1,635 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (15 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด 33,912.44 จุด เพิ่มขึ้น 151.39 จุด หรือ +0.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,297.14 จุด เพิ่มขึ้น 16.99 จุด หรือ +0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,128.05 จุด เพิ่มขึ้น 80.87 จุด หรือ +0.62%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,829.53 จุด ลดลง 42.25 จุด หรือ -0.15%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,107.14 จุด เพิ่มขึ้น 66.28 จุด หรือ +0.33% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,278.68 จุด เพิ่มขึ้น 2.59 จุด หรือ +0.08%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ส.ค.65.) ที่ระดับ 1,625.25 จุด เพิ่มขึ้น 2.99 จุด, +0.18%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,821.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ส.ค..65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. (15 ส.ค.) ร่วงลง 2.68 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 89.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ส.ค.) อยู่ที่ 10.11 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.55 อ่อนค่าจากวานนี้เล็กน้อยสอดคล้องภูมิภาค ให้กรอบ 35.40-35.65

– สศช.เผยจีดีพีไตรมาส 2 ปี 65 ขยายตัว 2.5% ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากไตรมาสแรก ที่ขยายตัว 2.3% ปรับประมาณการทั้งปีใหม่เป็น 2.7-3.2% จากเดิม 2.5-3.5% เหตุโลกยังมีความขัดแย้ง ทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาสหรัฐฯ-จีน-ไต้หวัน เงินเฟ้อขยับ หนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจเพิ่ม ความไม่แน่นอนโควิด-19 ระบาด และน้ำท่วม แนะดูแลสินค้า รายได้เกษตรกร แก้ปัญหาหนี้สิน ดันส่งออก หนุนท่องเที่ยว ดึงลงทุน เร่งรัดเบิกจ่าย

– “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” 5 รายใหญ่ “มาม่า-ซื่อสัตย์-ไวไว-ยำยำ-นิชชิน” สุดทน รวมพลังครั้งแรกไล่บี้ “พาณิชย์” พิจารณาปรับขึ้นราคาจำหน่ายจาก 6 บาท เป็น 8 บาทภายในสัปดาห์นี้ หลังฉายเดี่ยวเจอเบรกตลอด ย้ำต้นทุนพุ่ง จนรับภาระต่อไปไม่ไหวแล้ว แถมต้องหันทำตลาดต่างประเทศ ขู่หากยังเพิกเฉยอีกอาจทำให้สินค้าในประเทศขาดตลาดกระทบผู้บริโภคได้ ด้านกรมการค้าภายในย้ำกำลังพิจารณาต้นทุนรอบด้าน ยังไม่ให้ใครขึ้น ระบุหากพบฉวยโอกาสกักตุน คุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสน

– “คลัง” เปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ฟุ้งยอดพุ่งแล้ว 7.3 หมื่นราย พร้อมนัดวันที่ 19 ส.ค.2565 ประชาชนยืนยันสิทธิ์รับเงินสนับสนุนจากรัฐ 800 บาท

– ประชุมร่วมรัฐสภาล่ม ปิดฉากสูตรคำนวณ ส.ส. หาร 500 แบบถาวร ใช้สูตรหาร 100 แทน “สมคิด” ยันไม่ใช่ชัยชนะ พท.เหตุยืนหลักการหาร 100 มาตลอด “บิ๊กป้อม” ไม่รู้สภาฯ ล่ม โยนถาม “พีระพันธุ์” หัวหน้าสั่งลูกทีมยิงประตูตัวเอง ไฟเขียวดำเนินคดี “สมชัย” ปมโยงสั่งลูกพรรคไม่ให้เข้าประชุม “หมอระวี” จ่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ “สาธิต”เผยประธานรัฐสภา ส่ง กกต.พิจารณาวันนี้ มีเวลาพิจารณา 10 วัน ก่อนส่งคืนนายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ “หมอชลน่าน” เตรียมเข้าชื่อยื่นประธานสภาฯ ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ปม “นายกฯ 8 ปี” 17 ส.ค. ขอสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ “วิษณุ” ชี้บันทึกยกร่างรัฐธรรมนูญ ปี 60 มีน้ำหนักบ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แย้มมี 3 สูตร “บิ๊กตู่” หมดวาระปี 65, 68 และ 70 “เสรี”ไขปม 8 ปี นับจาก 9 มิ.ย.62

*หุ้นเด่นวันนี้

– SISB (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15 บาท กำไรไตรมาส 2/65 +24% Q-Q, +20% Y-Y ทำ New High และดีกว่าคาด 14% จากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นเป็น 2,731 คน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และค่าเทอมเพิ่มจากการที่นักเรียนกลับมาเรียน on-site มีค่าอาหารกลางวันและกิจกรรมหลังเลิกเรียนและคุมรายจ่ายได้ดี กำไรครึ่งปีแรก คิดเป็น 50% ของคาดการณ์ทั้งปี ขณะที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังคาดเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง เบื้องต้นประเมินว่าประมาณการกำไรปีนี้มี upside ราว 10%

– CPF (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท กำไรไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 4,208 ลบ.(-11.17% YoY, +48.07% QoQ) ได้แรงหนุนจากราคาสุกร(101 บาท/กก.+11.0%QoQ, +35.2%YoY) และราคาไก่(43.6บาท/กก.+11.8%QoQ, +48.8%YoY) ในไทย โดย GPM ที่ 14.50% (ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับดำเนินงานเฉลี่ยปกติ และสูงขึ้นจากไตรมาส 1/65 ที่ 12.81% แม้ต่ำกว่าไตรมาส 2/64 ที่ 16.38%) แนวโน้มไตรมาส 3/65 ประเมินเห็นการฟื้นตัวดีจากฐานต่ำปีก่อน และยังมีแรงหนุน 1.ราคาเนื้อสัตว์ในไทยยังสูง ก.ค.65 ราคาสุกร 101.0 บาท/กก.(+0.0%MoM, +38.4%YoY) ราคาไก่ 45.0 บาท/กก.(+9.8%MoM, +40.6% YoY) และ 2.ส่วนแบ่งกำไรน่าจะฟื้นตัว (CPALL) จากCovid-19 ดีขึ้น และราคาสุกรในจีน ก.ค.65 ราว 20-22 RMB/kg. ประมาณการกำไรสุทธิปี 65 และ 66 ที่ 16,096 ลบ. (+23.55%YoY) และ 18,935 ลบ.(+17.63%YoY) ตามลำดับ

– HMPRO (กรุงศรีป “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 17 บาท เป็นหุ้นธีมเปิดเมืองและกลุ่มค้าปลีกที่ราคายัง Laggard ที่สุด โดย YTD ราคาหุ้นติดลบ 4.8% ขณะที่หุ้นในกลุ่มเปิดเมืองปรับขึ้นเฉลี่ย 10%-20% HMPRO มีสัดส่วนรายได้จากเมืองหลักและท่องเที่ยวคิดเป็น 70%ของรายได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ส.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top