คลังจับมือ 47 หน่วยงานร่วมตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการสวัสดิการแห่งรัฐปี 65

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงการลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ว่า ในวันนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 กับ 47 หน่วยงาน โดยกำหนดวันลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 วันที่ 5 ก.ย.-19 ต.ค. 2565 ทางเว็บไซต์ http://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ http://welfare.mof.go.th และช่องทางการลงทะเบียน รวมทั่วประเทศกว่า 7,000 แห่ง โดยคาดว่าจะเริ่มใช้บัตรได้เร็วสุดปลายเดือน ก.พ.66

ทั้ง 47 หน่วยงานจะเป็นหน่วยงานรับลงทะเบียนและหน่วยงานที่ช่วยในการตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นผู้มีรายได้น้อยตามหลักเกณฑ์ที่โครงการฯ กำหนดเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ลงทะเบียนมีคุณสมบัติเป็นผู้มีรายได้น้อยตัวจริงที่สมควรได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ตลอดจนเป็นการช่วยให้รัฐบาลใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพในการจัดสรรสวัสดิการให้แก่ผู้ที่ต้องการได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง โดยจะมีการตรวจสอบความถูกต้อง เช่น เรื่องที่ดิน เงินฝาก ทะเบียนราษฎร์ เป็นต้น

รวมทั้ง ข้อมูลรายได้ต่อปีไม่เกิน 1 แสนบาท และครอบครัวรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีไม่เกิน 1 แสนบาท ทรัพย์สินทางการเงินได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตรและตราสารหนี้ภาครัฐ ไม่เกิน 1 แสนบาท และครอบครัวเฉลี่ยไม่เกิน 1 แสนบาท ต้องไม่มีวงเงินกู้หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ โดยวงเงินกู้บ้านต้องไม่เกิน 1.5 ล้านบาท วงเงินกู้รถไม่เกิน 1 ล้านบาท ต้องไม่มีบัตรเครดิต และไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งคลังจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์สามารถอุทธรณ์ได้

นายสันติ กล่าวว่า กระทรวงการคลังยืนยันว่า ไม่ได้นำเรื่องงบประมาณที่จะใช้ มาเป็นตัวกำหนดว่าจะต้องมีผู้ได้รับสิทธิเท่าใด จากปัจจุบันที่มีผู้ได้สิทธิ 13.3 ล้านคน ตั้งงบประมาณช่วยเหลือปีละ 4.8 หมื่นล้านบาท

“การช่วยเหลืออาจจะได้เท่าเดิม หรือเพิ่มเป็น 15 ล้านคนก็ได้ วงเงินช่วยเหลือไม่จำกัด ถ้าผู้ลงทะเบียนเข้าเกณฑ์ กระทรวงการคลังก็ให้ทั้งหมด ไม่มีข้อจำกัดกรอบวงเงินว่าจะให้กี่ราย” รมช.คลัง กล่าว

ส่วนที่ถามว่าบัตรรอบใหม่ จะมีการช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน ค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมจากมาตรฐานของบัตรหรือไม่นั้น นายสันติ กล่าวว่า บางช่วงที่ประชาชนมีความลำบาก ปีที่ผ่านมา มีโควิด-19 ช่องทางที่รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือกับประชาชนส่วนใหญ่รัฐบาลจะมองไปที่ผู้ด้อยโอกาส หรือผู้มีความยากจน ซึ่งเงินไม่พอใช้ ก็จะลงไปเยียวยาดูแลคนระดับนี้ก่อน ช่วยเติมให้ในภาวะที่เศรษฐกิจถดถอย

“ถามว่าคนจน ยังจนอยู่อย่างนี้หรือไม่ ถ้าไม่มีโควิดช่วง 2 ปี วันนี้คนจนอาจจะลดลงมาก เพราะรัฐบาลได้ทำสร้างงานสร้างอาชีพไปค่อนข้างมาก แต่โควิดเกิดทั่วโลก มีสงครามยูเครนรัสเซีย ทำให้การค้าขายซบเซา” รมช.คลัง กล่าว

ด้านนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คงไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ที่ได้บัตรคนจนเดิม 13.3 ล้านคนจะได้สิทธิทั้งหมด หรือถูกตัดสิทธิตามเกณฑ์ใหม่เท่าใด เนื่องจากเป็นการใช้ข้อมูลปี 2560 ซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะต้องมาลงทะเบียนใหม่ทั้งหมดก่อน ถึงจะทราบว่าเหลือผู้รับสิทธิกี่ราย แต่คาดว่าคนลงทะเบียนน่าจะมากกว่าที่ผ่านมา

“อยากให้รอความชัดเจนหลังการตรวจสอบก่อน ผู้ได้สิทธิที่จะได้ยังเหมือนเดิม และจะให้ความเป็นธรรมกับผู้มาลงทะเบียนมากที่สุด”

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ส.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top