หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามภูมิภาค ไร้ปัจจัยใหม่หนุน-รอประชุมแจ็กสันโฮล

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาค หลัง SET ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านแล้วไม่ผ่าน ก็อาจเห็นการเทขายทำกำไรในหุ้นรายตัว และระยะสั้นยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะที่นักลงทุนรอดูการประชุมแจ็กสัน โฮล ในวันที่ 25-27 ส.ค.นี้ เกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยของเฟด ให้แนวรับไว้ที่ 1,600-1,605 จุด และแนวต้าน 1,640-1,650 จุด

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า

ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลัง SET ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,640-1,650 จุด แล้วยังไม่ผ่าน ส่งผลให้อาจมีแรงขายทำกำไรในหุ้นรายกลุ่ม รายตัวออกมา อีกทั้งระยะสั้นนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนด้วย

โดยนักลงทุนรอดูการประชุมประจำปีของเฟด ที่เมืองแจ็กสัน โฮล วันที่ 25-27 ส.ค.นี้ ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณในเรื่องของดอกเบี้ยออกมาอย่างไร

ให้แนวรับไว้ที่ 1,600-1,605 จุด และแนวต้าน 1,640-1,650 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

          – ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (19 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด 33,706.74 จุด ลดลง 292.30 จุด หรือ -0.86%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,228.48 จุด ลดลง 55.26 จุด หรือ -1.29% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,705.22 จุด ลดลง 260.13 จุด หรือ -2.01%        
          – ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้  ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,654.07 จุด ร่วงลง 276.26 จุด หรือ -0.95%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,572.42 จุด ลดลง 200.61 จุด หรือ -1.01% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,249.70 จุด ลดลง 8.38 จุด หรือ -0.25%
          – ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ส.ค.65.) ที่ระดับ 1,625.92 จุด ลดลง 10.15 จุด, -0.62%
          – นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,571.77 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ส.ค..65
          – ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. (19 ส.ค.) เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 90.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
          – ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ส.ค.) อยู่ที่ 11.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
          – เงินบาทเปิด 35.80 จับตาการเมืองในปท.-ดอกเบี้ยเฟด คาดกรอบ 35.70-35.90
          – ศาล รธน.มีประชุม 24 ส.ค. คาดถกคำร้องปมนายกฯ 8 ปีพรรคฝ่ายค้านที่จะส่งถึงศาลฯวันนี้ (21 ส.ค.) กกต.นัดประชุมหลังสั่ง สนง.หาข้อมูลเพิ่ม แย้ม 3 แนวทางลงมติ “ชลน่าน” ปูดร่าง พ.ร.บ.งบฯวาระ 3 อาจโดนคว่ำ หาเหตุยุบสภาฯให้ “บิ๊กตู่” รักษาการยาว ขู่นายกฯรีบตัดสินใจก่อนไม่มีที่อยู่ “ม็อบตู่-นกเขา” เล็งบุกทำเนียบ 24 ส.ค.
          – กกต.นัดถกปม “บิ๊กตู่” นั่งนายกฯ 8 ปีจันทร์นี้ ลุ้นส่งศาล รธน.วินิจฉัยหรือไม่ ฝ่ายค้านผวายุบสภาก่อนกฎหมายเลือกตั้งบังคับใช้ ก้าวไกลหยวนๆ หาก “ประยุทธ์” เจออุบัติเหตุ ให้รักษาการต่อได้จนกว่าสภาจะสรรหานายกฯ คนใหม่ แต่เพื่อไทยไล่อย่างเดียว อ้างอยู่ต่อไม่มีอะไรดีขึ้น อดีต กกต.ยกกรณี “ยิ่งลักษณ์” เทียบความผิดเฉพาะตัว “บิ๊กตู่” ต้องไปสถานเดียว
          – ก.ล.ต.เดินหน้ายกระดับการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งตลาดแรก-ตลาดรอง-บังคับใช้ กฎหมาย-ส่งเสริมความรู้ เพื่อมีกลไกคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเหมาะสม และก้าวทันพัฒนาการตลาดในโลกยุคใหม่ ธปท.เผยอยู่ระหว่างกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลให้สอดคล้องต่างประเทศ ซึ่งภาพรวมมอง “สเตเบิลคอยน์” ยังมีความเสี่ยงอยู่ ดังนั้นควรให้ความสำคัญดูแลมากยิ่งขึ้น
          
หุ้นเด่นวันนี้

          – SISB (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 16.00 บาท นักเรียนกลับมาเรียน On site มากขึ้นเรื่อยๆ (เกิน 90%) จำนวนนักเรียนค่อยๆ เพิ่มขึ้นหลัก 100 คน++/ไตรมาส ล่าสุด ณ H1/65 นักเรียนอยู่ที่ 2,731 คน เทียบกับ ณ สิ้นปี 64 ที่ 2,434 คน +12% หนุนรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้ค่าอุปกรณ์ & กิจกรรม เตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่งที่ นนทบุรีและระยองในปี 66 คาดปีหน้าจำนวนนักเรียนมีโอกาสทะลุ 3 พัน คน หนุนรายได้เติบโตต่อ Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 เฉลี่ยที่ 300 ลบ. และ 386 ลบ. +44%YoY, +29%YoY ตามลำดับ
          – CENTEL (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 50 บาท  มีข่าวดี ศบค.ชุดใหญ่ขยายเวลาพำนักให้ผู้ที่ได้รับ VISA และ VISA on Arrival และมีข่าวจีนเสนอให้เพิ่มเที่ยวบินระหว่าง ไทย-จีน เพิ่มจาก 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 15 เที่ยวบิน
          – SAPPE (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 45.50 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 167 ล้านบาท +9%QoQ, +32%YoY รายได้โตจากยอดขายต่างประเทศเป็นหลักจากการขยายฐานลูกค้าและค่าเงินบาทอ่อนค่า แนวโน้มไตรมาส 3/65 ทิศทางดีเป็น High Season ต่างประเทศ ขณะที่ตลาดในประเทศฟื้นตัว เน้นกลยุทธ์ออกสินค้าใหม่กระตุ้นยอดขาย ปี 65 ตลาดมองกำไรสุทธิราว 580 ล้านบาท +40% Key Driver ตามการเติบโตของตลาดต่างประเทศ เดินหน้ากลยุทธ์ O2O Marketing ในตลาดเอเชียผลตอบรับดี ขณะที่ตลาดยุโรปได้เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าในโมเดิร์นเทรด รวมถึงควบคุมต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ส.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top