กรมชลฯ เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่ 15 ก.ย.นี้

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักสะสมในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าไหลลงสู่แม่น้ำสายหลัก ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น กรมชลประทาน ได้เตรียมความพร้อมในการดำเนินการแจ้งเตือนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ที่จะปรับเพิ่มปริมาณการระบายน้ำเป็น 1,800-2,000 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2565 ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ทำให้ระดับน้ำบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ในช่วงวันที่ 16-17 กันยายน 2565

ดังนั้นจึงได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ และให้จัดเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดัน ประจำจุดพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขังให้สามารถพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มกำลัง รวมทั้งให้เร่งรีบแก้ไขปัญหาในจุดที่มีน้ำท่วมให้กลับเข้าสู่สภาวะปรกติโดยเร็ว ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้มีการตรวจสอบความพร้อมของอาคารชลประทานและพนังกันน้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมบริหารจัดการน้ำในอ่างฯ ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม โดยพิจารณาปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมทั้งปฏิบัติตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 อย่างเคร่งครัด ตามข้อสั่งการของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) รวมทั้งบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบอย่างทันท่วงที

ปัจจุบัน (12 ก.ย.65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 50,510 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 66% ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรับน้ำได้อีก 25,579 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 14,035 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 56% ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 10,836 ล้าน ลบ.ม.

จากการคาดการณ์ของกรุมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 12 – 13 ก.ย. 65 ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมประเทศกัมพูชา ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ และในช่วงวันที่ 14 – 18 ก.ย. 65 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 65)

Tags: , ,
Back to Top