หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามหุ้นโลกกังวลเศรษฐกิจถดถอย-จับตาการเมืองในปท.

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกกังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อกระทบเศรษฐกิจถดถอย หลังตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง และรอติดตามคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดีวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,580-1,585 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,575 จุด แนวต้านที่ 1,600-1,605 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวิเคราะห์เชืงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะแกว่งไซด์เวย์ปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่น ๆทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ที่อาจจะกดดันให้ตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวลดลงไม่ง่ายนัก

ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดีวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้

พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,580-1,585 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,575 จุด แนวต้านที่ 1,600-1,605 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (29 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,225.61 จุด ลดลง 458.13 จุด หรือ -1.54%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,640.47 จุด ลดลง 78.57 จุด หรือ -2.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,737.51 จุด ลดลง 314.13 จุด หรือ -2.84%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,240.00 จุด ลดลง 182.05 จุด หรือ -0.69%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 17,165.93 จุด ขยับขึ้น 0.06 จุด หรือ +0.0003% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,042.17 จุด ขยับขึ้น 0.97 จุด หรือ +0.03%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ก.ย.65.) ที่ระดับ 1,592.37 จุด ลดลง 6.86 จุด, -0.43%
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,296.64 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ก.ย.65
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.(29 ก.ย.) ลดลง 92 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 81.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ก.ย.) อยู่ที่ 2.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 37.95 แข็งค่าจากวานนี้ แนวโน้มผันผวน จับตาการเมืองในปท.-Flow สิ้นเดือน
  • ลุ้นวันนี้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” อ่านคำวินิจฉัยปม 8 ปี “ประยุทธ์” หากรอดกลับมานั่งเก้าอี้นายกฯต่อ มีโอกาส ปรับ ครม.ที่ยังว่าง 4 เก้าอี้ พร้อมทางเลือกทิ้งพลังประชารัฐ หาพรรคใหม่สังกัด แต่หากร่วง ต้องสรรหานายกฯคนใหม่ “อนุทิน-อภิสิทธิ์-ชัยเกษม” ลุ้นส้มหล่น จับตา “ประวิตร” ตัวเต็งนายกฯคนนอก
  • “เอกชน” ผวาการเมืองนอกสภาป่วนเศรษฐกิจ-ลงทุน-ท่องเที่ยว หากอยู่ต่อนายกฯ 8 ปี ขณะเปลี่ยนตัวผู้นำ ห่วงทำเชื่อมั่นต่างชาติดิ่ง แนะเอกชนจับตาปัจจัยใน-นอกประเทศ ย้ำระมัดระวังบริหารธุรกิจ ด้านนักวิเคราะห์ชี้เงื่อนไขนอกบ้านรุมตลาดหุ้นไทยยังไม่สดใส ลุ้นเลือกตั้งจุดกลับเทรนด์ลงทุน
  • ธปท.ย้ำดูแลค่าเงินบาทใกล้ชิด พร้อมเข้าดูแล หากผันผวนสูง-เร็วเกินไป จับตาเงินเฟ้อพื้นฐานใกล้ชิด ก่อนเปลี่ยนทิศนโยบายการเงิน จับตา “ทีทีบี” ประชุมบอร์ดวันนี้ ด้านแบงก์รัฐ “ออมสิน -ธอส.” ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก ตรึงดอกเบี้ยกู้ “พาณิชย์” เผยค่าเงิน 38 บาทดันเงินเฟ้อ 0.31%
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค.2565 จะทำให้ผลผลิตข้าวนาปีที่กำลังทยอยเก็บเกี่ยวออกสู่ตลาดอาจได้รับความเสียหาย และเมื่อรวมกับพายุที่จะเข้ามาและทำให้เกิดการไหลของน้ำที่ท่วมหลาก และในบางพื้นที่อาจมีการแช่ขังของน้ำในระดับสูง โดยคาดว่าจะสร้างความเสียหายต่อผลผลิตข้าวนาปีที่มูลค่าราว 2,900-3,100 ล้านบาท และอาจดันราคาข้าวเฉลี่ยในช่วงนี้ให้ประคองตัวในระดับสูงได้ที่ประมาณ 10,000-11,000 บาทต่อตัน ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงเมื่อเทียบกับช่วง 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) ของปี 65 ที่มีราคาข้าวเฉลี่ยราว 10,165 บาทต่อตัน

*หุ้นเด่นวันนี้

  • บมจ. ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เข้าเทรดวันแรกวันนี้ (30 ก.ย.) ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจการเกษตร ราคา IPO 4.80 บาท TEGH มีรายได้ส่วนใหญ่ ประมาณ 80% ของรายได้รวมจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ โดยแบ่งผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ยางแท่ง และน้ำยางข้น โดยขายให้แก่ผู้ผลิตสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยางล้อ รองเท้า และเส้นด้ายยางยืด อีกทั้งบริษัทมีธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ โดยผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น น้ำมันปรุงอาหาร ส่วนผสมอาหาร เนยสด ครีมเทียม นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ที่เหลือใช้จากกระบวนการผลิตนำมาผลิตพลังงานทดแทน เพื่อให้เกิดเป็นระบบเศรษฐกิจสีเขียว ที่สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่กลุ่มบริษัท
  • TU (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ทำจุดสูงสุดรอบ 5 ไตรมาส +32% Q-Q, +11% Y-Y จาก High Season บาทอ่อน โดยเติบโตทุกธุรกิจทั้ง Ambient Frozen และ Pet Food & Value Added รวมถึงมีการปรับเพิ่มราคาขายขึ้นโดยเฉพาะในยุโรปเพื่อชดเชยต้นทุนพลังงานที่สูง Red Lobster ยังขาดทุนแต่คาดไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือนไตรมาสก่อน แนวโน้มไตรมาส 4/65 จะอ่อนตัวลงตามฤดูกาล แต่ประเมินกำไรทั้งปีมีโอกาสสูงกว่าประมาณการปัจจุบันของเราถึง 15% ขณะที่ปี 2566 คาดยังมีทิศทางแข็งแรง ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด 2023PER ต่ำเพียง 12 เท่า
  • BDMS (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 34 บาท กำไรสุทธิเป็นขาขึ้น ธุรกิจอยู่ในช่วง High season จำนวนผู้ป่วยต่างชาติเร่งตัวใกล้แตะระดับ Pre Covid ขณะที่ราคายัง Laggard จาก BH โดย YTD ราคา BDMS เพิ่มขึ้น 28% เทียบกับ BH เพิ่มขึ้น 60%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top