บล.พายให้กรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,550-1,580 จุด จับตางบบจ. Q3/65-ตัวเลขศก.สหรัฐ

บล.พาย (Pi) ประเมินกรอบ SET ทั้งสัปดาห์ไว้ที่ 1,550-1,580 จุด หลังตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์พลิกกลับมาปรับตัวลง 1.3% หลักๆ นักลงทุนยังคงกังวลกับประเด็นเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ระดับสูงและหนุนให้ FED ยังมีท่าทีปรับขึ้นดอกเบี้ยสูง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT พลิกกลับมาลดลง 3.1% ถูกกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯและอุปสงค์ที่อ่อนแอจากเศรษฐกิจ

สำหรับประเด็นเงินเฟ้อสหรัฐฯในเชิงของเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 8.2%YoY, 0.4%MoM สูงกว่าตลาดคาดไว้ที่ 8.1%YoY 0.2%MoM อย่างไรก็ตามแม้ราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลังงานจะปรับลดลง โดยราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ปรับลดลง 4.9%MoM น้ำมันเตา -2.7%MoM แต่ที่ปรับเพิ่มขึ้นคือราคาอาหาร +0.8%MoM โดยราคาอาหารนำกลับไปทานที่บ้าน +0.9%MoM ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว +6.6%YoY +0.6%MoM หลักๆเป็นผลจากราคารถยนต์ +0.7%MoM ราคาสินและบริการเกี่ยวข้องกับที่พักอาศัย (+0.7%MoM) ค่าขนส่ง (+1.9%MoM) ค่ารักษาพยาบาล (+1%MoM)

ทั้งนี้หากพิจารณาราคาสินค้าและบริการต่างๆพบว่าการส่งผ่านต้นทุนต่างๆค่อยๆที่จะกระจายออกไป แม้ราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับลดลงแต่พบว่าราคาสินค้าชนิดอื่นๆในสหรัฐยังคงปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะเงินเฟ้อพื้นฐานที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อ ภายหลังจากรายงานเงินเฟ้อข้อมูลจาก CME Fed Watch ระบุว่าให้น้ำหนักขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สูงถึง 97.2% ปรับเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้ารายงานเงินเฟ้อที่ 76% และการประชุมเดือน ธ.ค. น้ำหนักส่วนมากก็ปรับขึ้นไปที่ 0.75% จากเดิมน้ำหนักส่วนมากอยู่ที่ 0.50% ดังนั้นการฟื้นตัวในวันพฤหัสบดีของ Dow Jones หลังรายงานเงินเฟ้อเรามองเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่อีกหลายๆ สัญญาณยังบ่งชี้ว่าตลาดยังกังวลกับดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ สะท้อนผ่านการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 และ 10 ปีที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง

ส่วนสัปดาห์นี้ประเมินว่าตลาดจะเริ่มไปให้น้ำหนักกับผลประกอบการไตรมาส 3/65 สำหรับประเทศไทยจะเริ่มด้วยกลุ่มธนาคารฯคาดว่าจะเห็นการ รายงานทั้งหมดในสัปดาห์นี้ ด้านตัวเลขเศรษฐกิจจะเน้นไปที่ 1. ยอดสร้างบ้านใหม่ในวันพุธ Bloomberg คาดที่ 1.46 ล้านหลังคาเรือน 2. ยอดขายบ้านมือสองในวันพฤหัสบดี Bloomberg คาดที่ 4.69 ล้านหลังคาเรือน ตัวเลขที่ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์มองว่าจะเป็นบวกมากกว่าเพราะส่งผลให้ตลาดคลายกังวลกับเงินเฟ้อ เชิงกลยุทธ์การลงทุนเชื่อว่าตลาดหุ้นจะเริ่มมี Downside ที่จำกัดมากขึ้นหลัง Price In ประเด็นลบไปพอสมควรจึงมองเก็งกำไรฟื้นตัวได้ แต่เน้นเลือกหุ้นมีปัจจัยบวก อาทิ ธนาคาร (BBL KBANK SCB TISCO) หุ้นได้ประโยชน์น้ำมันลง (SCC SCGP) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO)

  • CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.25 บาท) แนวโน้มในช่วงไตรมาส 3/65 คาดว่ารายได้จะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปีก่อนเพราะ 1.รวมงบโลตัสเข้ามา 2.ไม่มีล๊อคดาวน์ ส่วนการเทียบกับไตรมาส 2/65 อาจจะออกมาแค่ทรงตัวเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการไม่เข้าประมูลกิจการ Metro ในอินเดีย
  • SCGP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 61.00 บาท) เล็งเห็นศักยภาพด้านกำไรที่ชัดเจนขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/65 เป็นต้นไป หนุนจากอัตรากำไรที่ขยายตัวขึ้น ด้วยภาพรวมอุปสงค์ที่ดีขึ้นท่ามกลางการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และแรงกดดันด้านต้นทุนที่ผ่อนคลายลง บวกกับการปรับเพิ่มขึ้นของมูลค่าจากดีล M&P

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ต.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top